19 ก.ค. 2555

คนไทยใช้เฟซบุ๊กมากที่สุด และ.......มากที่สุดด้วย


ได้มีโอกาศอ่าน"โลกหมุนเร็ว" เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้
เทคโนโลยี
 
ในมติชนสุดสัปดาห์ ความว่า




"ผู้เขียนมักจะเป็นคนท้ายๆ ที่ไขว่คว้าหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้กะเขา ขนาดเป็นแบบนี้
ก็ยังปรากฏว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ซื้อมาไว้อยู่มากมาย หลายอันซื้อมาแล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้ 
รู้สึกว่าใช้แล้วยุ่งยาก บ้างก็ใช้ผิดใช้ถูก แล้วก็เลยไม่ได้ใช้ไปเลย

บางครั้งผู้เขียนก็รอจนคนอื่นเขามีกันหมดแล้วนั่นแหละ จึงจะถึงคิวเราซื้อบ้าง

ตัวเลขจำนวนเครื่องใช้เพื่อการสื่อสารในยุคใหม่ เป็นเรื่องน่าตกใจ มีผลงานวิจัยบอกว่า
มันมีมากกว่าจำนวนประชากรเสียอีก

หรือตัวเลขคนที่ใช้เฟซบุ๊กในเมืองไทยที่ติดอันดับหนึ่งของโลกก็น่าตกใจไม่แพ้กัน 
เดี๋ยวจะกลับมาต่อกันเรื่องนี้

เวลานี้ คนไทยมีสมาร์ทโฟนใช้กันเกร่อแล้ว อัตราการเปลี่ยนจากมือถือธรรมดามาเป็น
สมาร์ทโฟนก็มีถี่ขึ้นๆ แต่ผู้เขียนก็เพิ่งคิดว่า อืมม์ คงต้องมีกับเขาบ้างแล้ว เพราะจะ
ได้เข้าอีเมลได้เวลามีอะไรเร่งด่วน หรือจะได้ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นและ
ทองคำบ้าง

เมื่อสักครู่หาความรู้จากเด็กรุ่นใหม่ที่พอมีเงินเดือนระดับหนึ่งก็ต้องมีสมาร์ทโฟนกัน
เกือบจะทุกคน ถามว่า "เขามีสมาร์ทโฟนไว้ใช้ทำอะไร" และแล้วก็ถึงบางอ้อ
เมื่อเด็กตอบว่า "เขาไว้เล่นเฟซบุ๊กกันอ่ะค่ะ" "นอกจากนั้น ก็ไว้ถ่ายรูป"

มิน่าล่ะ เมืองไทยถึงติดอันดับเล่นเฟซบุ๊กมากที่สุดในโลก และอัตราการใช้อินสตาแกรม
ก็ถี่ขึ้นทุกวัน

และยังเลือกที่จะใช้สมาร์ทโฟนเล่นของพวกนี้กันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้แท็บเล็ต


เป็นอันว่าเดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนไม่ได้ใช้ในการโทรศัพท์ แต่ใช้เล่นเฟซบุ๊ก เช็กเมล เข้าเว็บ
 และถ่ายรูปจนเราคิดว่ามันไม่น่าจะเรียกว่า "สมาร์ทโฟน" แล้วนะ แต่น่าจะเรียกว่า 
"อุปกรณ์สื่อสารประจำตัว" อะไรแบบนี้มากกว่า 

เช่น เมื่อวานนี้ มีงานพบปะสังสรรค์ เพื่อนก็ยก สมาร์ทโฟน ขึ้นมาถ่ายรูปให้ แล้วก็ส่ง
อีเมลมาให้ ชัดแจ๋วแหวว ก็สมาร์ทโฟนของเธอนั้นน่ะมีกล้องถ่ายรูปตั้ง 5 ล้านพิกเซล 
เท่ากับกล้องถ่ายรูปดิจิตอลเลย

อันที่จริง เมื่อมองจากผู้ผลิต การเพิ่มการใช้งานให้กับโทรศัพท์มือถือ ก็เกิดจากการ
ค้นคว้าวิจัยที่พบว่า คนเราต้องการสื่อสารด้วยข้อความและภาพมากขึ้น ภาษาของ
ผู้ผลิตเรียกว่า data จึงเพิ่มการใช้งานมือถือให้รับส่งอีเมลได้ ถ่ายภาพและส่งภาพได้

ดังนั้น การที่ผู้เขียนคิดว่า ถึงเวลาต้องมีสมาร์ทโฟนบ้างแล้ว ก็เป็นเพราะต้องใช้งาน
เรื่องการสื่อสารด้วยภาพและข้อความนี่แหละ

คนทำงานในภาคธุรกิจ จำเป็นต้องใช้แล็บทอป เพราะต้องหิ้วไปใช้นำเสนองาน 
เมื่อก่อนนี้ถ้าจะใช้อีเมล ก็มีเซิร์ฟเวอร์ ของบริษัท หรือไม่ก็มีสายแลน ต่อมาเมื่อออก
นอกสำนักงานก็เข้าอีเมลด้วยไวไฟ

ต่อมาสมาร์ทโฟนก็แซงหน้า ใช้เช็คอีเมลได้ เมื่อเป็นอย่างนี้จะหิ้วแล็บทอปให้เกะกะ
ทำไม 
ก็ซื้อสมาร์ทโฟนมาใช้สิ มันท่องเว็บก็ได้ ส่งอีเมลก็ได้ ถ่ายรูปเหตุการณ์หรือ
ผลิตภัณฑ์ 
ส่งไปให้ลูกค้าก็ได้ทันท่วงที

คนก็เลยโยนแล็บทอปที่เกะกะทิ้ง และหันมาใช้สมาร์ทโฟนแทน

จึงทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนขึ้นลิ่ว และยอดขายโฟนที่ไม่สมาร์ทตกลงไป กลายเป็น
พวก
 low end ใช้กัน 

............
สถิติจากประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนเมษายน 2555 บอกว่าขณะนี้ยอดจำนวนผู้ใช้
สมาร์ทโฟนที่เป็นผู้ใหญ่มีถึง 45% ของจำนวนประชากร ครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้จะใช้
อินเตอร์เน็ตจากสมาร์ทโฟน 

เมื่อถามผู้ใช้สมาร์ทโฟนโดยให้เปรียบเทียบกับอุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นๆ ก็ปรากฏว่าหนึ่ง
ในสามบอกว่าเขาเข้าเว็บด้วยสมาร์ทโฟนมากกว่าอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งหมายถึงคอมพิวเตอร์
พีซี 
แล็บทอป และแท็บเล็ตนั่นเอง

เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว เพราะสมาร์ทโฟนนั้นพกพาสะดวก ติดมือติดไม้ไปได้ตลอดเวลา

ปัจจุบันนี้คนที่ไม่ได้ทำงานประจำซึ่งต้องใช้คอมพิวเตอร์พีซีหรือแล็บทอป และอาจจะ
ไม่เคยมีคอมพิวเตอร์พีซีหรือแล็บทอปที่บ้านเลย ก็ยังกระโดดข้ามขั้นไปซื้อสมาร์ทโฟน
มาใช้เลย 

คนที่กระโดดข้ามขั้นนี้มีร้อยละ 10 ในอเมริกา

ถ้าเป็นคนไทย เหตุผลหนึ่งก็คือ มันเทียมหน้าเทียมตาคนอื่น ซื้อมาไว้เล่นเฟซบุ๊กสนุกๆ 
ถ่ายรูปเพลินๆ เท่านี้ก็เป็นเหตุผลที่พอเพียง

สิ่งที่เกิดขึ้นในอเมริกาอาจจะไม่ได้แตกต่างจากในไทยนักก็ได้ 

และเมื่อมาถึงอายุคนที่ใช้สมาร์ทโฟนท่องเว็บ กลุ่มที่เติบโตที่สุดคือที่อายุ 25-34 ถัดมา
ก็เป็นกลุ่มคนอายุ 35-44 

พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีอีกอย่างที่เปลี่ยนไปคือพฤติกรรมการชมทีวี

ตัวเลขล่าสุดของสหรัฐอเมริการะบุว่าปัจจุบันนี้คนร้อยละ 70 ดูทีวีจากอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ทีวี 
แต่เป็นจอคอมพิวเตอร์

เมื่อปีที่แล้ว อัตราคนที่ดูทีวีจากแท็บเล็ตมีมากขึ้นถึงสองเท่าตัวในอเมริกา

ผู้ผลิตทีวีต้องขยับตัวกันแล้ว ก่อนจะสายเกินแก้ ยอดขายหายไปแบบไม่ทันรู้ตัว

เพราะยิ่งนับวันคนก็ต้องการจะมี "ของชิ้นเดียว" ใช้ได้สารพัดประโยชน์

และเมื่อพูดถึง "ของชิ้นเดียว" นี้ จากการสำรวจในสามเดือนแรกของปีนี้คนอเมริกันสอง
ในสามก็จะมีอุปกรณ์เคลื่อนที่ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตกัน

แต่ถึงแม้ผู้ผลิตจะพยายามทำให้ "ของชิ้นเดียว" ใช้ได้สารพัดประโยชน์ คนก็ยังไม่วาย
ซื้อมากกว่าหนึ่งชิ้น

ร้อยละ 70 ของคนอเมริกันมีมากกว่าหนึ่งชิ้น นั่นก็คือหนึ่งสมาร์ทโฟนกับหนึ่งแท็บเล็ต

คงจะเป็นเพราะคนเขามีกันทั้งสองอย่างนี่นะ แต่ถ้าถามเหตุผล ก็แถไปได้ว่า เพราะ
สมาร์ทโฟนไม่มีไอ้นั่น แท็บเล็ตไม่มีไอ้นี่ ต้องมีทั้งสองถึงจะครบ อะไรทำนองนี้

.................

ก่อนจบขอเม้าธ์เรื่องที่ได้ฟังมาจากรุ่นเด็กๆ ที่เล่นเฟซบุ๊กกัน ถึงเหตุการณ์ที่บอกพฤติกรรม
การใช้เฟซบุ๊กแบบคนไทย

เขาเล่าว่ามีเฟซบุ๊กของออสเตรเลียรณรงค์ให้คนในออสเตรเลีย "รับเลี้ยง" สุนัขจรจัด

คนไทยเข้าไปดู ก็ไม่ดูตาม้าตาเรือว่าเขาให้แต่คนออสเตรเลีย ก็เลยกด "รับเลี้ยง"
กันใหญ่


ร้อนถึงแอดมินของทางโน้นต้องบอกว่า "คนไทยกรุณาอย่ากด รับเลี้ยง นะครับ
เพราะ
ทำให้สุนัขตัวนั้นหมดโอกาสจะได้ผู้รับเลี้ยงซึ่งต้องอยู่ในออสเตรเลีย

เท่านั้นแหละชาวไทยก็เป็นฟืนเป็นไฟ รวมหัวกันส่งข่าวไปต่อๆ ว่าเล่นไม่ได้
ให้กด unlike 
ทางแอดมินก็บอกว่า เล่นได้ กด like ได้ เพราะสุนัขจะได้มีคนบริจาค
อาหาร เพียงแต่อย่ากด
"รับเลี้ยง"

ในที่สุดก็มีคนไทยแปลอังกฤษเป็นไทยให้คนไทยเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วคนไทย
ก็ต่างพากัน
ขอโทษทำให้เมล,มันรก

ทางแอดมินเลยบอกไม่ต้องขอโทษแล้วคร้าบเพราะมันรก คนไทยก็โกรธอีก
บอกว่าทำไมล่ะ 
ก็จะขอโทษนี่

ในที่สุดทางแอดมินปวดหัวมากก็เลยบล็อกไม่ให้คนไทยเข้า 

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คนไทยดังไปทั่วโลก ความเป็นจริงที่ว่าคนไทยใช้เฟซบุ๊ก
มากที่สุด
 และงี่เง่ามากที่สุดเลยเป็นที่รู้กันไปทั่วโลก ฉะนี้แล"



หลังจากอ่านบทความนี้แล้วก็ทำให้ได้รับทราบว่า ปัจจุบันคนใช้สมาร์ทโฟน
กันเพื่ออะไร
 โดยเฉพาะวัยรุ่นทั้งหลาย รวมทั้งเรื่องการใช้ facebook ของคนไทย
ที่ใช้กันมากที่สุด
รวมทั้งเรื่องขำๆ แต่น่ารักแบบเปิ่นๆ ที่ทำให้คนไทยเราดัง
ไปทั่วโลกอีกครั้ง
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น