การปฎิบัติตัวเมื่อมีรักในที่ทำงาน นอกจากนั้นยังสามารถนำไปใช้สืบเนื่องต่อไปหลังจากที่เลิกรากัน
และต้องทนเจอหน้ากันทุกเมื่อเชื่อวันอีกด้วย มีทั้งหมด 14 ข้อค่ะ ลองนำไปใช้ดูนะคะ
1.อย่าไปทำงานทุกวันเพียงเพราะอยากเห็นหน้าเขา
หรือได้ใช้เวลาอยู่กับเขา หรือได้แสดงออกว่าปิ๊งเขา
ควรไปทำงานด้วยความคิดว่า
วันนี้ฉันจะทำงานหนักเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบริษัท พยายามหักอกหักใจ
ทำตัวยุ่งกับงานเข้าไว้ อย่ามัวแต่นั่งฝันกลางวันถึงเขาคนนั้น
หรือเอาแต่คิดหาเรื่องเข้าไปพูดคุยหรือแค่เห็นหน้าเขาก็ยังดี
ถ้าเขามาหยุดแวะที่โต๊ะของเรา ทำตัวดีๆ คุยทักทายกับเขาแค่ 5-10
นาทีก็พอแล้ว ตัดบทสนทนาด้วยการหยิบเอกสารขึ้นมาแล้วพูดว่า
เราต้องกลับไปทำงานแล้ว!
2.ทำงานหนักแต่อย่าเว่อร์ถึงขนาดทรุดโทรมไม่ใส่ใจสารรูปตัวเอง
อย่าหมกตัวอยู่ในที่ทำงานมากจนไม่มีเวลาปรุงแต่งสังขาร
เสื้อผ้าเปรอะรอยกาแฟเป็นดวง รองเท้าขะมุกขะมอม คิ้วรกรุงรังไม่ได้รูปทรง
ควรสวมเสื้อผ้ารองเท้าให้ดูทันสมัยแต่ไม่ล้ำสมัย
เรียกว่าให้ดูดีที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่าสวมถุงน่องรันเป็นอันขาด
ควรมีถุงน่องสำรองติดไว้ในลิ้นชักโต๊ะเสมอ รองเท้าต้องขัดให้ขึ้นเงา
แต่งหน้าพรมน้ำหอมในปริมาณพอดีอย่าให้มากเกินงาม
จำไว้ว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใคร เราใส่ใจรูปร่างหน้าตาของตัวเอง
สิ่งเหล่านี้ทำเพื่อตัวเองและผลพลอยได้คือ
เรามีความมั่นใจในตัวเองจนสามารถเดินเข้าหาชายหนุ่มคนนั้นได้อย่างสบายใจไง
ละ
3.อย่าเผลอตกปากรับนัดเขาเร็วเกินไป
ถ้าเขาหยุดแวะที่โต๊ะเราแล้วเอ่ยชวนไปกินข้าวกลางวันหรือชวนไปดื่มหลังเลิก
งาน บอกไปว่า
อยากไปเหมือนกันแต่ไม่ว่างถึงแม้ความจริงจะว่างไปจนถึงอาทิตย์หน้าก็เถอะ
เพราะการชวนแบบนี้เหมือนหาคนแก้ขัดไปงั้นเอง ถ้าเรายอมตกลง
ความสัมพันธ์จะออกมาในรูปแบบที่ธรรมด๊าธรรมดามาก
เขาจะไม่คิดว่าเราเป็นคนพิเศษที่ต้องวางแผนการเดทล่วงหน้าให้ออกมาน่าประทับ
ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่วางความสัมพันธ์ไว้ในฐานะเพื่อนร่วมงาน
ผู้ชายมักใช้เวลาหลายปีกว่าจะขอฝ่ายหญิงแต่งงาน
มีตัวอย่างมาแล้วกับผู้หญิงสวยๆหลายรายที่ตกปากรับคำชวนไปดื่มหลังเลิกงาน
ทุกหกโมงเย็นฝ่ายชายจะแวะมาชวนไปดื่ม แต่ถ้าเป็นเดทคืนวันเสาร์
เขาจะไม่เอ่ยชวนจนกว่าจะถึงวันศุกร์หรือวันเสาร์
เพราะยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะต้องไปทำอะไรหรือเปล่า
ฝ่ายหญิงก็ปล่อยให้เป็นแบบนี้เพราะไม่รู้จะทำอะไรที่มันดีกว่านี้
ในที่สุดหลังจากคบกันเรื่อยๆเปื่อยๆอย่างนี้หกปีฝ่ายชายก็ขอแต่งงาน
เธอมีชีวิตแต่งงานที่แย่มากเพราะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นฝ่ายถูกเอา
เปรียบ
การทำงานในที่เดียวกันไม่ได้หมายความว่า
เขาสามารถพบหน้าเราได้ทุกเวลาที่ต้องการ อย่ายอมเขาง่ายๆ
เขาต้องเตรียมตัวล่วงหน้าถ้าจะขอนัดเรา เพราะเรางานยุ่งมากๆ!
ถ้าทำงานอยู่ด้วยกันชนิดโต๊ะติดกันควรปลีกตัวไปกินอาหารกลางวันเองบ้างหรือ
กับคนอื่นบ้าง และอย่าบอกว่าไปกินข้าวที่ไหน
เรากับเขาทำงานด้วยกันแล้วยังเดทกันอีก แทบจะรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว
ต้องทำตัวลึกลับเหลืออะไรไว้ให้เขาฉงนสงสัยบ้างสิ
4.สงบปากสงบคำเอาไว้ อย่าพูดเรื่องรักให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นฟัง
ถ้ามีคนถามว่าสุดสัปดาห์นี้จะไปเที่ยวที่ไหน
อย่าเผลอหลุดปากถึงหนุ่มเพื่อนร่วมงานที่จะไปด้วยกัน
ตอบไปแค่ว่าจะไปทำอะไรเท่านั้นพอ
อย่าให้อาชีพการงานกระทบกระเทือนเพราะการตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเม้าท์กันทั่ว
ออฟฟิศ แถมยังส่งผลถึงความสัมพันธ์ของเรากับเขาด้วย
ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเดทกับผู้หญิงปากสว่างหรอกค่ะ
ผู้ชายชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า ถ้าคนในที่ทำงานจะรู้เรื่องนี้
ก็ให้มาจากปากของเขาเองดีกว่า
ในทางกลับกันก็อย่าเอาเรื่องตัวเองไปพูดให้ชายหนุ่มฟัง
เราจะไปพบลูกค้าที่ไหนกับใครมีประชุมเมื่อไร ถ้าเขาอยากรู้เขาจะถามเอง
5.ถ้ามีเหตุต้องพูดเรื่องงานกับหนุ่มหวานใจก็จงพูดไปเถอะ
พยายามทำตัวให้เป็นมืออาชีพ
ถ้ามีโทรศัพท์ก็โทรกลับทันทีต้องเป็นเรื่องงานเท่านั้นนะ
พยายามมองความตั้งอกตั้งใจของตัวเองให้ออกว่า
มีเหตุจำเป็นต้องติดต่อกับเขาหรือเปล่า หรือว่าแค่หาข้ออ้างไปคุยกับเขา
ซึ่งหากเป็นเรื่องงาน
บทสนทนาต้องสั้นกระชับได้ใจความและเราควรเป็นฝ่ายจบการสนทนาก่อน
ถ้าเป็นไปได้ฝากข้อความไว้ที่เลขาหรือกล่องรับข้อความของเขาดีกว่า
ข้อความที่ฝากไว้ก็ควรใช้สำนวนภาษาเป็นการเป็นงาน
อย่าทิ้งข้อความหวานแหววแต๋วจ๋าแปะไว้ที่โต๊ะของเขา
เพราะถ้าเขาอยากคุยกับเราเขาจะมาหาเราเอง
6.เขาสามารถส่งอีเมล์หาเราได้มากเท่าที่ต้องการ แต่อย่าตอบอีเมล์กลับทุกครั้งนอกจากว่าเป็นเรื่องงาน
หรือถ้าเป็นอีเมล์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน
เราสามารถตอบเขาได้หนึ่งครั้งต่ออีเมล์ของเขาสี่ครั้ง
อัตรานี้จะทำให้ดูไม่น่าเกลียด
จำไว้ว่าอีเมล์ของเราต้องกระชับตรงไปตรงมาในเรื่องงานเท่านั้น
เรื่องนี้สำคัญมากเพราะเราไม่รู้ว่าใครจะแอบเข้ามาอ่านอีเมล์ของเรา
บางทีอาจเป็นระดับผู้บริหารที่คอยสอดส่องพนักงานบริษัทก็ได้
เก็บเรื่องรักไว้นอกจอ เอาไว้ไปออกฤทธิ์คืนวันศุกร์เสาร์ดีกว่านะ
7.อย่าเที่ยวสอดแนมเขาไปทั่วออฟฟิศ
อันที่จริงไม่ควรไปอยู่ใกล้ห้องทำงานของเขาด้วยซ้ำ อย่าไปถามเลขาของเขาว่า
มีใครโทรหาเขาบ้าง หรือเขาออกไปกินข้าวกลางวันกับใครที่ไหน
มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเราเลย ดีไม่ดีเลขาอาจไปบอกเขา
เขาเกิดรำคาญขึ้นมาละแย่เลย
8.อย่าใช้ที่ทำงานเป็นศาลเจ้าบูชารัก
อย่าเอารูปถ่ายของเขาใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะ
หรือเก็บตุ๊กตาหมีที่เขาให้วันวาเลนไทน์ไว้ในที่ทำงาน
ดูไม่เป็นมือโปรเอาเสียเลย โต๊ะทำงานหรือห้องทำงานควรดูเนี๊ยบสะอาดหมดจด
ความเนี๊ยบนี่ละเซ็กซี่สุดๆ
ไม่มีใครอยากเดทกับผู้หญิงสกปรกโสมมที่มีโต๊ะรกเป็นรังหนู
อย่ากองเอกสารไว้บนโต๊ะเป็นตั้งๆ อย่าเอาขนมที่กินเหลือใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะ
อย่าเก็บของสะสมหรือแขวนอะไรรุงรังไว้ข้างฝา
อย่าตกแต่งห้องทำงานเหมือนเป็นหอพักนักศึกษา
อย่าทำตัวคิกคุน่ารักอาโนเนะราวเด็กไม่รู้จักโต
ทำตัวให้เป็นสาวนักทำงานมืออาชีพเข้าท่ากว่าเยอะ
9.อย่าจูบหรือเดินจูงมือกันในที่ทำงาน
นอกจากจะไม่เป็นมือโปรแล้วภาพพจน์ยังดูเสียหายอย่างหนัก
เขาต้องชวนเราไปออกเดทข้างนอกจึงจะมีสิทธิ์ทำกุ๊กกิ๊กกันแบบนี้ได้
อย่ายอมเข้าโรงแรมกับเขาตอนช่วงพักอาหารกลางวันเด็ดขาด
เพราะนี่ไม่ใช่การเดทและเขาจะไม่ยกย่องให้เกียรติเรา
ยิ่งเวลาเราออกจากโรงแรมกลับเข้ามาทำงาน จะดูโทรมๆยับยู่ยี่ไปเลย
ถ้าไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้านจงอย่าทำเด็ดขาด
ถ้าอยากตระกองกอดเราไว้ในอ้อมแขน
ก็ควรชวนเชิญออกเดทตอนช่วงสุดสัปดาห์ให้เป็นงานเป็นการมากกว่านี้นะจ้ะ
10.อย่าหลับนอนกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานนอกเสียจากว่าเป็นแฟนกันจริงๆจังๆแล้ว
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์ชั่วครั้งชั่วคราวแต่เกี่ยวถึงอาชีพการงานที่ตามมา
ในภายหลังด้วย
กรณีเช่นนี้ส่วนมากจะเป็นการเดินทางไปทำงานด้วยกันในต่างจังหวัดหรือต่าง
ประเทศ เป็นเรื่องง่ายที่จะมีเซ็กส์กันเพราะพักอยู่โรงแรมเดียวกัน
ถึงแม้เราจะคิดว่าเดินทางมาไกลขนาดนี้คงไม่มีใครมารู้มาเห็น
แต่เมื่อกลับบ้าน กลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง
เราจะเสียใจที่หลวมตัวไปมีอะไรกับเขา
เพราะเขาจะแสดงท่าทีไม่สนใจกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
ดีไม่ดีอาจทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คนที่เสียความรู้สึกก็คือเราซึ่งต้องกลับทำงานร่วมกับเขาทุกวัน
11.อย่าอ้อยอิ่งอยู่ในออฟฟิศหลังเลิกงานแล้ว
หรือออกไปดริ๊งค์ช่วงแฮปปี้อาวร์หลังเลิกงาน
ถ้าไม่อยากให้คนมองภาพเราเป็นสาวนักปาร์ตี้
ที่สำคัญอย่าเมาในที่ทำงานไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงบริษัทขึ้นปีใหม่หรืออะไร
ทั้งนั้น
เพราะเมื่อเมาแล้วก็ยากที่จะหักห้ามใจไม่ทำอะไรตามความรู้สึกตัวเอง...เสีย
ค่ะเสียแน่งานนี้
12.ถ้าเรากับเขาทำงานบริษัทเดียวกันแต่ต่างสาขาหรือต่างเมืองกัน
ควรรอให้เขาแวะมาหาเราสักสามครั้งก่อนแล้วค่อยแวะไปเยี่ยมเขาบ้าง
ถ้าคุณถูกส่งไปทำงานที่เมืองของเขา
อย่าไปเจ้ากี้เจ้าการนัดแนะให้เขามาเจอกัน
เขาต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเสนอตัวนัดแนะเจอกับเรา
ในกรณีที่เป็นแฟนกันจริงจังแล้ว
อย่าเพิ่งทำเรื่องขอย้ายตามไปทำงานที่เดียวกับเขา
หรือลาออกไปตั้งรกรากอยู่เมืองเดียวกับเขาจนกว่าจะมีการตกลงเป็นมั่นเป็น
เหมาะว่าจะแต่งงานกัน
13.อย่าทนทำงานในบริษัทเพียงเพราะเขาทำงานอยู่ด้วย
ถ้ามีความสุขกับงานก็ทำไป แต่ถ้าสนใจจะเปลี่ยนสายงานก็เชิญเลย
ไล่ตามความฝันของเรา อย่าฉุดรั้งตัวเองไว้เพื่อผู้ชายคนหนึ่ง
ถ้าลาออกไปเพื่องานใหม่ที่ดีกว่าก็ไปเลย การตัดสินใจทำสิ่งดีๆให้กับตัวเอง
เป็นการแสดงให้เขาเห็นว่า เราเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง
ซึ่งอาจจะทำให้เขาคิดถึงเรามาก
และอาจขอแต่งงานเร็วขึ้นเพราะต่อไปจะไม่ได้เห็นหน้าเราทุกวันนะสิ
14.อย่าชวนเขาเดินทางไปกลับด้วยกัน
เพียงเพราะบ้านอยู่ใกล้กันและทำงานที่เดียวกัน
คนที่เอ่ยชวนควรเป็นเขาและเราควรตอบปฏิเสธ
เพื่อที่เขาจะได้ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบเราและเรายังสามารถทำตัวเป็นสาวลึกลับ
ได้บ้างบางเวลา
From http://variety.teenee.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น