29 ก.ย. 2556

ฉันถูกไล่ออก :ชะตากรรมที่พลิกผัน

วันนี้ได้อ่านบทความจาก รีดเดอร์ไดเจสต์ไทยแลนด์ เกี่ยวกับการที่วันนึิงเราถูกเชิญ
ให้ออกจากงาน พูดง่ายๆคือถูกไล่ออก  แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับชิวิตเรา เขียน
โดย โจแอน แฮมเบิร์ก "ฉันถูกไล่ออก :ชะตากรรมที่พลิกผันกลับกลายเป็น
สิ่งวิเศษสุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน"

             หลังเรียนจบหมาดๆจากวิทยาลัยบาร์นาร์ดและสถาบันชวเลข ฉันได้งานเป็น
เลขานุการของบรรณาธิการนิตยสารคูปอง แม้ยอดขายจะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานจริงจัง 
ตอนนี้ฉันมีรายได้และมีอพาร์ตเมนต์ในแมนฮัตตัน นี่คือสวรรค์ของสาวรุ่นจากเมืองเล็กๆ
หกเดือนที่ฉันใช้ชีวิตแบบสาวๆในละครโทรทัศน์เรื่องเซ็กซ์แอนด์เดอะซิตี ฉันก็เหมือนผู้หญิงจำนวนมากในรุ่นเดียวกัน คือจบจากวิทยาลัยไปต่อโรงเรียนเลขานุการและเรียน
จดชวเลขหรือเขียนหนังสือเร็ว แม้ความจริงฉันเคยร่วมแต่งหนังสือเรื่อง นิวยอร์กวันละ
ห้าเหรียญ ดังนั้น ฉันจึงเรียนรู้การยังชีพแบบต่างๆ หรืออย่างน้อยก็ได้พยายามแล้ว
           ตอนนี้ เราใช้ห้องชุดชั้นบนของโรงแรมเป็นที่ทำงาน และสถานที่นั้นแปลงโฉมเป็น
ที่นอนชั่วคราวสำหรับเพื่อนๆนักเที่ยวของเจ้านาย บางเช้ากว่าจะเดินไปถึงโต๊ะทำงานได้
ฉันต้องเหยียบข้ามเพื่อนๆบางคนของเขา
           จากอดีตคนถนัดซ้ายเปลี่ยนมาถนัดขวาอันเป็นผลมาจากคุณครูผู้จู้จี้ ตอนนี้ ลายมือ
ของฉันก็เลยยิ่งกว่าไก่เขี่ย หวัดขนาดหลังจดตามคำบอกแล้ว ฉันยังแกะลายมือตัวเองไม่ออก
นิตยสารจะต้องพึ่งโฆษณา ดังนั้น ในจดหมายที่เขียนถึงผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ ฉันได้รับคำสั่ง
ให้เสนอโอกาสให้พวกเขาลงโฆษณาสี่สีในนิตยสารของเราในราคาเพียง 10,000 เหรียญ
ด้วยความสะเพร่า ตัวอักษร d ในคำว่า ads กลาย เป็นตัว s ดังนั้น ประธานบริษัทขนาดใหญ่
คนหนึ่งในจดหมายที่เราส่งออกไปจึงได้รับเชิญให้ "ลงก้นของเขาเป็นสี่สี" ในนิตยสารของเรา
ลองเดาดูสิ เขาไม่พอใจและสั่งให้ฉัน... เดาถูกใช่ไหม
         ฉันถูกไล่ออก แต่เดชะบุญคุณพระช่วย บรรณาธิการกำลังต้องการนักเขียน ฉันกำลังจะเดินออก
จากประตู รู้สึกเศร้าสลด กลัวว่าพ่อแม่จะคิดอย่างไร เมื่อฉันได้ยินเธอตะโกนถามว่า "นี่โจแอน
เธอเขียนหนังสือได้ดีกว่าพิมพ์ดีดหรือเปล่า" ฉันตอบว่า "ค่ะ แน่นอน" แล้วนักเขียนก็แจ้งเกิด
เมื่อนิตยสารม้วนเสื่อไปและคณะละครออฟ-ออฟ-บรอดเวย์ที่ฉันร่วมด้วย (ฉันเป็นนักแสดงที่กำลังหาเวที) ขาดคนดูไปจำนวน มาก (ส่วนใหญ่เป็นญาติๆของฉันเอง) ฉันมีโอกาสทดสอบบทกับรายการวิทยุสองชั่วโมงรายวันที่สถานีใหญ่แห่งหนึ่งของนิวยอร์ก ทุกคนประหลาดใจที่ฉันได้งานนี้
        คราวนี้ ครอบครัวของฉันช่วยกันใช้บริการไปรษณีย์ เขียนจดหมายไปถึงสถานีเพื่อบอกว่า
เด็กหน้าใหม่คนนี้ช่างเก่งเหลือเกิน ในที่สุด ฉันพบความสามารถพิเศษของตัวเองนั่นคือการพูด
ในที่ซึ่งเหมาะสม
        วันหนึ่ง มีคนใหม่มาร่วมงานที่สถานีเป็นผู้อำนวยการรายการซึ่งเป็นผู้หญิง สตรีร่างใหญ่
น่าเกรงขามมาทำงานทุกวันกับสุนัขพันธุ์เยอรมันเชปเพิร์ดตัวใหญ่และน่าเกรงขามพอๆกัน
ฉันคิดว่าตัวเองทำงานได้ดีเยี่ยม เธอ (หมายถึงผู้หญิง ไม่ใช่สุนัข) ตัดสินใจว่าไม่ชอบหน้าฉัน
เมื่อเรียกฉันเข้า ไปในห้องทำงานบ่ายวันศุกร์หนึ่ง เธอบอกง่ายๆแค่ว่า "เธอถูกไล่ออก" ทิ้งให้ฉัน
งงงวยว่าเกิดอะไรผิดพลาดร้ายแรงขึ้น
       หกเดือนต่อมา หลังโทรศัพท์ติดต่อผู้อำนวยการจัดรายการทุกคนในนิวยอร์ก ฉันได้ทำงานกับ
สถานีวิทยุรายใหญ่อีกแห่ง ทำรายการสี่นาทีด้วยค่าจ้างเพียง 15 เหรียญต่อเรื่อง ในเมื่อมีลูกสอง
และสามีหนึ่งที่เพิ่งเริ่มอาชีพของตัวเอง ฉันจึงลองดู
       ทุกวันนี้ ราว 28 ปีต่อมา ฉันยังคงทำงานที่สถานีวิทยุดับเบิลยูโออาร์ เป็นรายการสนทนา
สองชั่วโมงประจำวัน สัมภาษณ์คนดัง นักเขียน และนักการเมือง นำข้อมูลเสนอต่อผู้ฟังกว่า
ล้านคนต่อสัปดาห์ และฉันรักทุกนาทีที่ทำงาน
       ตอนถูกไล่ออกจากงานหลายครั้งหลายครานั้นฉันยังเด็ก แต่กระบวนการคงเหมือนเดิม การถูก
ออกจากงานไม่เลือกอายุหรือเพศ เคล็ดลับอยู่ที่การก้าวออกมาจากที่ซ่อนและลงมือทำสิ่งต่างๆ
ให้เกิดขึ้น และเชอร์ไร เฮนรีก็ทำเช่นว่านี้

       เชอร์ไรกลับไปอยู่บ้านที่นครนิวยอร์กหลังประสบความสำเร็จในอาชีพการเมืองกับคณะ
รัฐบาลของคลินตันและงานที่รัฐสภา เธอหวังจะเปลี่ยนเส้นทางอาชีพไปเป็นนักพัฒนาในองค์กร
พัฒนาเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อองค์กรแห่งนั้นประสบปัญหาทาง การเงิน เธอเป็นคน
สุดท้ายที่เข้าทำงานจึงเป็นคนแรกที่ต้องถูกให้ออก
       เชอร์ไรบอกว่า "นี่ไม่ใช่งานแรกที่ฉันถูกให้ออก แม้จะยากแต่เราต้องจำไว้ว่าชีวิตยังต้องก้าว
ต่อไปหลังตกงาน" เพื่อนๆที่คอยช่วยเหลือ ความมุ่งมั่น โชค และประวัติการทำงานที่ดีช่วยให้เธอ
ได้งาน ภายในเดือนเดียวก็ได้งานที่เธอเรียกว่าเป็นงานที่พึงพอใจที่สุดในชีวิต นั่นคือระดมทุน
ให้กองทุนสงเคราะห์และพัฒนาแห่งหนึ่งซึ่งให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ประชาชนใน 40 ประเทศ
     
       เรื่องนี้ผิดกับกรณีของพอล โจนส์ ซึ่งเริ่มทำงานในบริษัทที่ตอนนี้คือเจพีมอร์แกน เชส
ตั้งแต่เรียนมัธยมปลายและไต่เต้าขึ้นไปจนเป็นผู้อำนวยการ หลังทำงานได้ 31 ปี อาชีพของ
พอลก็สิ้นสุดเมื่องานของเขาถูกตัดโอนไปให้บริษัทในอินเดียทำแทน พอลเพิ่งอยู่ในวัย
40 เศษและแม้จะไม่มีเงินบำนาญ เขาก็ได้รับเงินทดแทนเท่ากับเงินเดือนสองปี ในเมื่อลูกๆ
เรียนจบแล้ว เขากับภรรยาจึงตัดสินใจว่า ไม่เอาอีกแล้วความเครียดจากการทำงานบริษัท
พวกเขาจะเริ่มทำอะไรของตัวเอง
      บังเอิญสิ่งที่พวกเขาชอบคือสุรา (ระบุให้ชัดเจนคือคอนญัก) และการท่องเที่ยว พอล
เริ่มธุรกิจพัฒนาและทำตลาดคอนญักสำหรับผู้หญิง เขาเป็นนายของตัวเองและเต็มไปด้วย
ความรู้สึกตื่นเต้นผจญภัยแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้น "ถ้าพวกเขาไม่บีบผม ผมก็ยังคงอยู่ในบริษัท
รอว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวของตัวเอง" พอลกล่าว

      ลินน์ เชอร์ ผู้สื่อข่าวมือรางวัลของสถานีโทรทัศน์เอบีซี เขียนไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติว่า
เธอยังทำงานอยู่ที่กับสถานีดับเบิลยูซีบีเอส-ทีวีในนิวยอร์กตอนมีคนยื่นหนังสือพิมพ์ เดอะโพสต์
ฉบับเช้าให้ หน้าหลังของหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าลินน์ เชอร์กำลังจะลาออกจากซีบีเอสเพื่อไปเขียนหนังสือ เธออดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นอุบายไม่ให้เธอตีจากจึงไม่วิตก กระทั่งผู้อำนวยการข่าวโทรฯมา
บอกว่า "เธอไม่ได้รับการต่อสัญญาและจะไม่ได้ออกอากาศอีก เชิญเก็บของไปได้ทุกเวลา"
       ลินน์บอกว่า "ฉันรู้สึกเหมือนล้มเหลว" แย่กว่านั้น เมื่อมีคนถามผู้บริหารรายหนึ่งที่ไม่ระบุชื่อว่า
ทำไมจึงไล่เธอออก เขาตอบว่า "ไหล่ของลินน์กว้างเกิน จับภาพโคลสอัปแล้วดูอึดอัด"
      "เมื่อนึกย้อนกลับไป" ลินน์เขียนไว้ "ฉันอายุแค่ 32 และเรื่องนี้กลับกลายเป็นสิ่งดีที่สุด
ที่เกิดขึ้นกับฉัน เป็นบทพิสูจน์ว่าฉันยืนหยัดอยู่ได้และไม่ยอมแพ้ ซึ่งหมายถึงการหลุดพ้นเพื่อ
ก้าวขึ้นสู่อีกระดับ" เธอได้งานที่เอบีซีนิวส์ ทำข่าวการหาเสียงทางการเมือง ข่าวประชุมและ
เหตุการณ์พิเศษต่างๆ รวมทั้งรายการดังอย่าง 20/20 นับแต่นั้นมา
     
     และบางครั้งคุณอาจไม่ตระหนักว่าคุณทำให้ตัวเองถูกไล่ออก แดน ซาวากกีชอบไปตั้ง
แคมป์พักแรม เขาทำงานขายคอมพิวเตอร์ให้ฮันนีเวลล์ ขณะเที่ยวพักผ่อนครั้งหนึ่ง เขามองหา
ของขวัญที่สร้างสรรค์และเกิดความคิดที่จะส่งอาหารค่ำเป็นกุ้งมังกรสดๆไปให้ลูกค้าคนโปรด
เขาห่อกุ้งนั้นด้วยตัวเอง ใส่เนยและคีมกะเทาะเปลือกกุ้งลงไปด้วย บรรทุกใส่ท้ายรถ และเริ่มนำ
ของขวัญไปส่ง เขาประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ที่จริง ลูกค้าคนหนึ่งถึงกับชวนเขาให้เริ่มธุรกิจ
กุ้งมังกรด้วยกัน แดนหัวเราะต่อคำชักชวนดังกล่าว
     แต่กระนั้น พนักงานขายคอมพิวเตอร์คนนี้กลับไม่สามารถสลัดความคิดเกี่ยวกับกุ้งมังกร
ออกไปได้ คิดว่าน่าจะลองทำเป็นงานอดิเรกหรือรายได้เสริม ขณะไปทำงานตามมอบหมาย
ที่ชิคาโก เขาโน้มน้าวสถานีวิทยุท้องถิ่นแห่งหนึ่งให้โฆษณาแลกกับกุ้ง นายของนายบังเอิญ
ได้ยินข่าวว่าพนักงานขายมือรางวัลของเขาไปเร่ขายกุ้งแทนที่จะเป็นคอมพิวเตอร์ แดนจึง
ถูกให้ออก
    หลังส่งคืนรถบริษัท เขาเริ่มคิดว่าบางทีนี่อาจเป็นชะตาลิขิต ขณะเล่นโทรศัพท์มือถือ
ในคืนนั้นโดยลองโทรฯไปที่เบอร์ 1-800-LIVELOB หมายเลขนั้นยังว่างอยู่ จากนั้น แดน
หนุ่มกุ้งมังกรก็แจ้งเกิด ทุกวันนี้ หลังผ่านไป 20 ปี แดนยังคงขายอาหารค่ำผ่านบริษัทของ
เขาชื่อล็อบสเตอร์แกรม เป็นงานที่ทำแล้วสนุกสุขใจไม่มีสิ่งใดเปรียบ
    คนเหล่านี้ต่างพบหนทางหวนกลับไปสู่อาชีพ ที่เติมเต็ม และพวกเขาล้วนเรียนรู้ว่าความ
เจ็บปวดและอับอายเป็นเรื่องชั่วคราว ดังนั้น ไม่ต้องกลัว จงก้าวไปข้างหน้า ขยับปีกขอ
ความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง และอดทน การถูกไล่ออกไม่ได้หมายถึงชีวิตจบสิ้น
แต่อาจกลายเป็นสิ่งดีที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นกับคุณก็ได้

ข้อมูลจาก http://www.readersdigestthailand.co.th/

14 ก.ย. 2556

รีวิว coocan fire oven

      วันหนึ่งเรานั่งดูรายการโฆษณาสินค้าทางทีวีรายการหนึ่ง เป็นเตาอบเอนกประสงค์ใช้
กับเตาแกสได้ ....เข้าตากรรมการอย่างเราทันที เรารีบถามลุงกู้(google) ทันที ว่ามันดี
อย่างนั้นจริงไหม หมดปัญญาไม่มีจ้า....ไม่มี เซ็งมาก จะสั่งซื้อก็กลัวถูกหลอก
ตามประสาคนไม่เคยซื้อของทางโทรศัพท์ ....
แต่ด้วยความอยากได้ เลยตัดสินใจโทรไปถามดูว่าเก็บเงินปลายทางได้ไหม
(อะไรทำนองนี้) โชคดี บริษัทนี้มาส่งให้ถึงบ้าน แล้วค่อยเก็บตังค์  ...โป๊ะเชะ....เข้าทางเรา  
เลยสั่งมา 1 ชุด .......รอไปประมาณ 2 สัปดาห์ (คิดว่าเขาไม่ส่งแล้ว) ทางบริษัทก็โทรมา
ถามเส้นทาง ดีใจมากได้แล้ว  ......งานนี้เสียไป 3 พันกว่าบาท รวมค่าขนส่งด้วย

กล่องหน้าตาเป็นแบบนี้



ภายในกล่องมี 5 ชิ้้นดังนี้

สีแดง เป็นฝาครอบเป็นกระจกตรงกลาง และวางตั้งได้

ด้านซ้ายฝาครอบ เป็นถาดรองใช้สำหรับใส่น้ำ
ด้านขวาฝาครอบ เป็นตะแกรงสำหรับวางของที่จะอบ
ด้านบนฝาครอบ เป็นตัวใช้อบขนมหรือของที่เป็นของเหลว วางแทนตะแกรง
ในถุงพลาสติกเป็นที่จับหรือคีบอาหารอีก 1 อัน
ข้างฝาครอบเป็นคู่มือ

ขนาด   มีขนาด  14 นิ้ว



มาลองทำดู

สำหรับเรา ง่ายสุดนำปีกบนไก่มาหมัก แล้วนำไปอบ โดย
         1.วางต้วหลักลงบนเตาแก๊สให้ช่องตรงกับเตาพอดี
         2.เติมน้ำลงไป 1 แก้วพลาสติก (แก้วขนาดที่วัยรุ่นชอบสั่งน้ำปั่นนั่นแหละ
           ใส่น้ำได้พอดีเลย)
         3.วางตัวที่เป็นตะแกรงลงบนตัวหลัก
         4.นำไก่มาเรียงตามชอบ
         5. ปิดฝาครอบ
         6.เปิดแก๊ส
         7.แอบดูผลงานผ่านฝาครอบที่เป็นกระจก พอสุกได้ที่
         8.ปิดแก๊ส
         9.เปิดฝาครอบ แล้วก็จบงาน

ผลการทดลองใช้

ขนาด  มีขนาด14 นิ้ว ใหญ่ถูกใจ อบปีกบนไก่ได้ทีละ 15 ชิ้้น ก็โอเค คุณลูกชายกินได้
อิ่มเอม
ความแรงของไฟ ใช้แค่ 1ใน 4 ของการทอดในกระทะปกติ
เวลาที่ใช้  ใช้เวลาน้อยลง  เจ้า15 ชิ้นนี้ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที กระทะปกติทำไม่ได้จ้า
การทำความสะอาด รอให้เย็นแล้วราดน้ำล้างออกง่าย ไม่ต้องขัดถูรุนแรง ใช้น้ำยา
ล้างจานปกติล้างจ้า
ผลงานที่ออกมา หนังกรอบมาก เนื้อข้างในสุกสนิทจ้า และเคยลองอบหมู 3 ชั้นแล้ว
หนังก็กรอบมาก จริงดังโฆษณา  แต่ขนมยังไม่ได้ลองทำเพราะหาคนกินไม่ได้

สรุป สำหรับเราถือว่า ซื้อมาแล้วใช้คุ้ม ประหยัดแก๊ส แล้วก็ประหยัดเวลา ไม่ต้องมา
ยืน(นั่ง)เฝ้า    ส่วนใหญ่ปิดฝาครอบเสร็จเปิดแก๊ส แล้วก็ไปทำอย่างอื่น บางครั้งก็ไป
นั่งดูทีวี สัก 20 นาที  ก็มาดูผลงานหน่อย  เพราะบางทีเปิดไฟแรงไปก็มี  ข้อสำคัญ
ไม่ต้องใช้น้ำมันในการทอด   และน้ำมันจากการอบจะหยดลงในน้ำที่เราใส่ไว้ข้างล่าง  
ถูกใจคนขี้เกียจอย่างเราจ้า