10 พ.ค. 2556

โครงการขุดคลองไทยตอนที่ 2

   มาดูถาม-ตอบในข้อต่อๆไปอีกดีกว่า

8)      ปัญหาสิ่งแวดล้อม ?

คำตอบ ปัญหาของสิ่งแวดล้อม ที่จะเกิดจากเรือต่างๆจากต่างประเทศ ที่มาใช้คลอง เราจะสามารถควบคุมเรือที่จะปล่อยของเสียจากเรือที่มาใช้คลองได้มากกว่า การเกิดปัญหาของสิ่งแวด ล้อมของเมืองที่จะตามมา ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องนำมาพิจารณา พร้อมกับการดำเนินโครงการคลองไทย ก็คือการวางผังเมืองที่สมบูรณ์แบบ เพราะ ปัญหาของสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากตัวคลองไทย และเรือที่มาใช้บริการคลองเราสามารถควบคุมใช้มาตราการสากลทางกฎหมายได้ และทางด้านการบริหารการจัดการทางวิศว กรรม สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว เหมือนกับท่าเรือสำคัญต่างๆทั่วโลก แต่ปัญหาสิ่งแวดล้อม ของสังคมเมืองที่ใหญ่และมีความหนาแน่นมาก ของประชากร จะตามมา เหมือนกับเมืองใหญ่ๆคล้าย กรุงเทพฯ. การวางผังเมืองที่ดีสมบูรณ์แบบ มีสอง 2 ลักษณะ ที่จะต้องวางแผน แผนที่ 1 วางผังเมืองเชิงป้องกันปัญหา  ที่ป้องกันได้เช่น ระบบสาธารณูประโภคต่างๆ เช่นแหล่งน้ำ แหล่งพลังงานไฟฟ้า ระบบขจัดของเสีย ระบบการคมนาคม ฯลฯ ดังกล่าววางแผนร่วงหน้าได้เลย  แผนที่ 2 การวางผังเมือง แบบพัฒนาไป ดำเนินไป คู่ขนานกับ การเปลี่ยน แปลง ซึ่งในทางปฎิบัติจริงสามารถศึกษาของจริง จากเมืองสำคัญได้ทั่วโลก



ปัญหาเรื่องผลกระทบของสิ่งมีชีวิตของสองฝั่งทะเลไทย ถ้าเปรียบเทียบคลองไทยกับคลองปานามาถ้าพิจารณาจากดูแผนที่โลก จะเห็นว่าคลองปานามาอยู่ตรงกลางของ ทวีปอเมริกามีผืนแผ่นดินยาวกว่า40,000กิโลเมตร และเป็นส่วนที่แคบที่สุดที่กั้นระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิค กับมหาสมุทรแอตแลนติค  ทำให้สิ่งที่มีชีวิตทางทะเลทั้งสองฝั่ง ไปมาถึงกันได้ยาก สิ่งที่มีชีวิตจึงมีความแตก ต่างกันเป็นอย่างมาก   มีพิพิธภัณฑ์  สมิทโซเนี่ยน  ของประเทศสหรัฐอเมริกา   เพื่อศึกษาสัตว์ทางทะเลโดยเฉพาะตั้งอยู่ที่นั่น

             แต่สำหรับคลองไทย ถ้าดูจากแผนที่จะเห็นว่าทางต้อนใต้ ของประเทศไทย และประเทศมาเลเซียจะเป็นแหลมยื่นลงไป ยังมหาสมุทร อินเดีย ไม่ยาวมาก แนวคลองไทยจะอยู่ห่างจากปลายแหลมมะลายู ไม่ถึง 1,000  กิโลเมตร  และความต่างระดับของน้ำทะเลคลองไทย ของฝั่งทะเลทั้งสองฝั่งแตกต่างกันไม่ถึง 1 เมตร    และน้ำทะเลทั้งสองฝั่งไหลไปมาถึงกันสะดวก    ความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตทางทะเลทั้งสองมีผลน้อย ปลาทูทั้งสองฝั่งมีโอกาศผสมพันธ์กันได้แต่ขนาดอาจจะโตไม่ เท่ากัน ความเค็มของน้ำทะเล ถ้าวัดความเค็มของน้ำทะเลช่วงฤดูฝนความเค็มฝั่งอ่าวไทยน้อยกว่าฝั่งอันดามันแน่นอน  การหมุนเวียนของน้ำทะเลที่เข้าออกทางอ่าวไทย มีการหมุนเวียน 2 ครั้งต่อปีอยู่แล้ว น้ำเสียที่ไม่สะอาดที่ผ่านการใช้มาจากโรงงานต่างๆหลายสิบจังหวัด รวมทั้งประชาชนในกรุงเทพฯด้วย ไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา  แม่น้ำบาง ประกง หรือแม่น้ำท่าจีน ก็จะมารวมกันอยู่ที่อ่าวไทย   หลังขุดคลองไทยแล้วน้ำทะเลจากทางฝั่งอันดามัน ซึ่งมีความสะอาดกว่ามาช่วยทำให้น้ำทะเลในอ่าวไทยดีขึ้น  สิ่งที่เราวิตกเกินเหตุอาจจะกลายเป็นผลดีก็ได้ การระมัดระวังปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าหลงประเด็น จนทำให้ประเทศชาติต้องเสียหายหรือเสียโอกาส
            9)  ดินจำนวนมาก ที่ขุดแล้วจะเอาไปไว้ที่ใด ?

     คำตอบ ดินจำนวนมากมาย จะถูกนำไปถม 2 ฝั่งคลองของพื้นที่ ที่กันไว้ตลอดแนว 4 กิโลเมตร โดยประมาณควรจะต้องถมเหนือระดับน้ำทะเล 3  5 เมตร ตลอดแนวเพื่อรองรับเมืองอุตสาหกรรมโลก ทั้งอุตสาหกรรมใฮเทค และอุตสาหกรรมต้นทางต่างๆไม่ทราบว่าดินที่ได้ จะเหลือหรือไม่จะต้องมีการสำรวจให้ได้ข้อมูลทางอุทค ศาสตร์ก่อน ถ้าหากมีเหลือมากพอจะต้อง

 
สร้างคลังพักสินค้าหรือ ขนถ่ายสินค้าในทะเล เหมือนประเทศญี่ปุ่น หรือประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นแหล่งสร้างรายได้มหาศาลแร่ธาตุ ทรัพยากรต่างๆที่มีค่าในดินหากพบ เจอให้นำทรัพพยากรณ์เหล่านั้น นำไปรวมไว้ในที่ๆให้สามารถ จัดระบบบริหารจัดการ สัมประ ทาน เพื่อนำเงินให้กับรัฐต่อไป

10)  งบประมาณก่อสร้างโครงการคลองไทย ประมาณเท่าไร ?

คำตอบ ประมาณการค่าก่อสร้าง  ของโครงการคลองไทย จะประเมินค่าใช้จ่ายหลักของโครงการ คือ 1.ค่าใช้จ่ายในการขุดคลองงบประมาณในการใช้เงิน 2.ค่าใช้จ่ายในส่วนการสร้างสะพานข้ามคลอง จะมีด้วยกัน สามสะพาน และ สองอุโมงค์ สำหรับค่าใช้จ่ายในการขุดคลอง ประมาณการตามจำนวน ดินที่จะต้องขุด ทั้งหมดประ มาณ 4,000ล้าน ลูกบาตรเมตร ถ้าประมาณการ ค่าขนย้ายดิน เฉลี่ย ลูกบาตรเมตรละ 150 บาท เงินในส่วนนี้ จะใช้ประมาณ 600,000 ล้านบาท จำนวน สะพานที่จะสร้าง 3 สะพาน และ อุโมงค์ 2 อุโมงค์ รวมค่าก่อสร้างทั้ง 5 รายการประมาณ  50,000 ล้าน บาท ดังนั้นงบลงทุนหลักๆของโครงการ ทั้งหมด รวมกันประมาณ 650,000 ล้านบาท


 

11) จะหาเงินที่ไหน มาลงทุน สร้างโครงการคลองไทย ?

คำตอบ ประเทศไทย ณ  ปี พ.ศ  2547   เงินฝากของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ    ที่ฝากอยู่ในระบบธนาคารต่าง ๆ  ของในประเทศทั้งหมด เวลานี้ มีจำนวนเงินฝากที่อยู่ในระบบ ธนาคารต่างๆทั้งหมดประมาณกว่า  700,000 - 800,000  ล้านบาท เงินฝากเหล่านี้ ธนาคาร ยังไม่สามารถปล่อยกู้ หรือนำ ไปลงทุนอะไรได้เลย ซึ่งไม่เกิดผล ผลิตใด    ทั้งสิ้น มีแต่ผลเสีย จะทำให้เศรษฐกิจ ของประเทศเป็นภาระเรื่องดอกเบี้ยที่สะสม เพิ่มขึ้น  ยิ่งนานวันเวลาผ่านไปดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะต้องจ่ายสะสมทบต้นไปตลอด  ค่าของเงินบาทก็จะถูกลดค่าลงโดยปริยาย     เป็นภาระของสังคมโดยอ้อม   ที่จะต้องซื้อของแพงขึ้น  ปัจจุบัน (อัตราดอก เบี้ยเงินฝาก 1ต่อปี )  คนที่มีเงินฝาก  ธนาคาร  ตอนนี้ เงินจำนวน 10 ล้านบาท   ฝากธนาคาร ได้ดอกเบี้ยแต่ละเดือนไม่ถึง  10,000  บาท  และ ก็คงจะเป็นเช่นนี้ ไปนานเท่านาน ตราบใดที่เงินฝากยังนอนอยู่ในธนาคารปล่อยกู้ไม่ได้แบบที่เป็นอยู่
เงินจำนวนดังกล่าวนี้ หากรัฐบาลขอยืมจากประชาชน โดยออกพันธ์บัติไปก่อน แล้วนำไปลงทุนสร้าง คลองไทย จำนวนเงินดังกล่าวมีมากพอที่จะนำไปเป็นทุนหมุนเวียนในการก่อสร้างโครงการคลองไทย สามารถทำได้อย่างสะบาย และพร้อมจ่ายดอกเบี้ยให้ได้มากกว่าที่ฝากธนาคารขณะนี้ด้วย  โดยแทบจะไม่ต้องอาศัยกู้ยืมเงินตราจากต่างประเทศให้ต้องเสียดอกเบี้ย ที่จะทำให้เงินไหลออกนอกประเทศ  รัฐบาลสามารถออกพันธ์บัติได้เหมือนกับที่ทำมาก่อนเมื่อ ปี 2545 จำนวนเงิ่นร่วม 4 แสนล้านบาท ใช้สำหรับแก้ปัญหาเงินกองทุนฟื้นฟูที่ผ่านมา ยังทำได้แต่คราวนี้รัฐบาลกู้เงินมาเพื่อสร้างงาน โดยทะยอยออกพันธ์บัติ เพียง ปีละ 1 แสนล้านบาท มาลงทุน สร้างคลองไทย ซึ่งเป็นการสร้างงานให้กับประเทศเพิ่มขึ้นอีกเป็น 1-2 ล้านงานให้กับลูกหลานไทยอย่างเป็นรูปธรรม เป็นเหมือนเอาเงินยายซื้อขนมยาย ซื้อไปซื้อมาไม่ถึง 8 ปีประเทศไทยก็ได้ คลองไทย แล้วก็จะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยตามมามากมาย เงินตราต่างประเทศจะสะพัดไหลเข้าประเทศโดยทางตรง และโดยทางอ้อม นานเท่านาน แล้วรัฐบาลก็เก็บรายได้ และภาษี คืนประชาชนไม่ถึง 10 ปี ก็คืนทุนที่ยืมมาได้หมด ผลประโยชน์ต่างๆก็วนอยู่ในประเทศตลอดไป
จากข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศที่ผมกล่าวมาคร่าว ๆ  นี้  ผมคิดว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะลงทุนโครงการ  คลองไทย   เองได้โดยไม่ต้องพึงพา เงินทุน จากต่างประเทศเลย แต่ผมเห็นว่าควรให้ต่างประเทศมีส่วนร่วมด้วย แต่ประเทศไทยจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ครับ

12)  จะใช้เวลาในการ ทำโครงการคลองไทย นานเท่าใด ?

            คำตอบ จะใช้เวลาก่อสร้างนานเท่าใด ทางด้านวิศวกรรมปัจจุบันนี้มีเครื่องมือเครื่องจักร และเทคโนโลยีดีกว่าอดีตมาก การขุดคลองใช้เทคโนโลยีธรรมดา ไม่ซับซ้อนมาก ระยะเวลา  5 ปี คงได้เห็นคลอง ซึ่งความยาวคลอง  120 กิโลเมตร

                  หัวใจสำคัญในงานการก่อสร้างคลอง อยู่ที่การบริหารการจัดการของโครงการ   งานก่อสร้างคลองจะสามารถแบ่งโครงการย่อยออกเป็นส่วนๆ แล้วสามารถ ทำงานทั้งหมด ได้พร้อมๆกัน ซึ่งสามารถกระจายงานได้เหมือนงานสร้างถนน แบ่งเป็นช่วงๆแล้วให้บริษัทรับเหมา ทำพร้อมกันหลายบริษัท
              การก่อสร้างคลอง ต่างกว่าการก่อสร้างเขื่อน ซึ่งงานเขื่อนส่วนใหญ่งานก่อสร้างจะทำการก่อสร้างที่จุดเดียว   แต่งานก่อสร้างคลองสามารถ แบ่งงาน เป็นส่วนๆ  แบ่งเป็น 1 กิโลเมตร ต่อ 1 บริษัทก่อสร้าง 120กิโลเมตร  จะมี120 บริษัทก่อสร้าง ทำพร้อมกัน ทุกบริษัทก่อสร้างก็จะสามารถขุดคลองสำเร็จได้ใน 5 -7 ปี   

13)   แนวคลองที่จะขุดควรอยู่บริเวณใด?

 คำตอบ แนวขุดคลองก็จะมีการนำเสนอขึ้นมาใหม่ และก็มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลามาจนถึง ณ เวลานี้มีอยู่ด้วยกัน 12 แนวคลองที่จะขุด เพื่อให้กรอบแนวคิด ที่จะกำหนดแนวขุดคลอง ให้เกิดเป็นผลดีที่สุดสำหรับประเทศไทย จะต้องมีการพิจารณา องค์ประกอบหลักที่สำคัญต่างๆนำมาพิจารณาร่วมกันมีดังนี้ :-




1.ทางด้านความอิสระในการบริหารคลอง ของประเทศ
2.ทางด้านเศรษฐกิจ ของประเทศ
3.ทางด้านยุทธ์ศาสตร์ทางทหาร
4.ทางด้านสังคม และ สิ่งแวดล้อม
5.ทางด้านวิศวกรรมศาสตร์

             จากการประชุมของ วุฒิสภาได้มีการวิเคราะห์ และสรุปในหลักการเบื่องต้นเห็นว่า เส้น  9Aเหมาะที่จะเป็นแนวคลอง ที่ควรจะขุด    โดยเริ่มจากฝั่งทะเล ทิศตะวันออกฝั่งอ่าวไทย ที่อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช มาสุดที่ฝั่งทะเลทิศตะวันตกฝั่งอันดามัน อำเภอสิเกา จังหวัดพัทลุง

   14)  การก่อสร้างคลองต้องใช้ระเบิดปรมณู (nuclear) ในการขุดคลอง หรือไม่ ?

        คำตอบ  ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะต้องใช้ระเบิดปรมณู มาใช้ในการขุดคลอง ขนาดการระเบิดหินตามภูเขาในเขตุสัมประทานของโรงโม้หินในต่างจังหวัด เพื่อนำหิน ไปใช้ในงานก่อสร้างต่างๆ เผลอไม่กี่ปี ภูเขาหายเป็นลูกๆ ไม่ทราบว่าคนที่นำประเดนเรื่องการขุดคลองจะต้องใช้ ระเบิดปรมณูในการก่อสร้างมีวัตถุประสงค์อะไร  ซึ่งจะทำ ให้ประชาชนที่ไม่มีข้อมูลเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีกับโครงการขุดคลอง


จากที่คณะกรรมาธิการ วุฒิสภาบินสำรวจเส้นทางแนวขุด 9จะมีแนวคลองที่จะต้องตัดผ่านภูเขาสูง ยาวประมาณ 8 กิโลเมตร ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่แนวราบ ปัจจุบันนี้ มีคลองในโครงการพระราชดำริ ที่ปากพนังที่ได้มีการขุดคลอง ขนาดกว้าง 160 เมตร ยาว 23 กิโลเมตร ลึก 5 เมตร ซึ่งแนวคลองไทยจะอยู่ไม่ห่างและขนานกับคลองนี้

   15) ขุดคลองไทยแล้ว ประเทศไทยจะได้อะไร ?

           คำตอบ
         1. คลองไทยจะเป็นเส้นทางเศรษกิจใหม่ของโลก และจะมีส่วนสำคัญต่อระบบการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ทางด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อมของโลก คลองไทยจะเป็นสัญลักษ์ของประเทศไทยไปตลอดกาล โดยเฉพาะทางด้านการท่องเที่ยวจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่มนุษย์ร่วมกันสร้าง  ที่จะเป็นแหล่งดึงดูดของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก  จะสร้างรายได้เข้าประเทศไทยได้มากมาย  
                2. คลองไทยจะสามารถแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ ได้อย่างละมุนละม่อม และสันติวิธีได้อย่าง ถาวรเพราะคลองไทยจะสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความเจริญ  ไปทั่วทั้งภาคใต้   ประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศไม่น้อยกว่า 3-4 ล้านคน จะหลั่งไหลเข้ามาอยู่ และทำมาหากิน รวมถึงการเริ่มต้นสร้างธุรกิจของคนไทยรุ่นใหม่ รุ่นลูก รุ่นหลานของไทยในอนาคต ซึ่งประชาชนคนไทยเหล่านี้จะเป็นกองทัพประชาชนที่ทรงพลัง เป็นเสมือนยิ่งกว่ากองทัพ พลังที่เข้มแข็งมหาศาลนี้จะปกป้องคุ้มครองแผ่นดินไทยได้เป็นอย่างดี  โดยจะไม่มีอำนาจมืดหรืออิทธิพลใดๆที่จะมายับยั้งได้
            3. คลองไทยจะเป็นเสมือนสายธารขนาดใหญ่เชื่อมสองฝั่งทะเลไทย เป็นเส้นทางเศรษฐกิจก่อ ให้เกิดการหมุนเวียนของเงินตรา จากต่างประเทศทั่วโลกไหลเข้าสู่ประเทศไทยได้ทั้งทางตรง  และทางอ้อมได้โดยไม่มีวันหยุด สร้างงาน สร้างรายได้ เป็นแหล่งท่องเที่ยว  แหล่งธุระกิจ แหล่งอุตสาหกรรม  จะมีคลังสินค้าเป็นศูนย์กลางกระจายการขนส่ง และมีคลังเก็บรักษาสินค้าจากประเทศทั่วโลกพร้อมขนส่งทางทะเล   เป็นศูนย์กลางธนาคารธุรกิจการ ค้าของการเดินเรือระหว่างประเทศ   ตลอดจนเป็นศูนย์รวมภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรผลิตอาหารสำเร็จรูปของไทยเพื่อการส่งออก  เป็นศูนย์จำ หน่ายให้บริการ อาหาร น้ำดื่ม น้ำใช้ ให้กับเรือต่างๆซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล
4. ด้านความมั่นคงของประเทศ คลองไทยจะเสริมสมรรถานุภาพ ทางด้านการทหารการขนส่งทางทะเลทางด้านอ่าวไทยหากมีการถูกปิดกั้นด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม    คลองไทยจะเป็นเส้นทางขนส่ง ที่สำคัญทั้งในยามปรกติและยามสงครามของประเทศ ยามปรกติกองทัพเรือสามารถนำกองกำลังเข้าออกเพื่อการซ้อมรบ ลาดตระเวนตรวจตราป้องกันการเข้ามาของสิ่งผิดกฎ หมายตามรอยต่อของเขตน่านน้ำระหว่างประเทศ และการเคลื่อนย้ายกำลังของกองทัพเรือไปมาทั้งสองฝั่งทะเลไทย จะไม่สร้างความรู้สึกหวาดระแวงให้ กับประเทศเพื่อนบ้านทำให้มีความอิสระ ลดระยะเวลาเดินทาง และประหยัดงบประมาณ
5. ทางด้านการประมงจะขยายโอกาสทำให้เรือประมงไทย ทั้งฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทยซึ่งมีอยู่กว่า45,000 ลำ สามารถไปมาทั้งสองฝั่งได้สะดวกรวดเร็ว ทำให้เรือประมงจำนวนดังกล่าว สามารถเข้ามาใช้ทรัพยากรทางทะเลของทั้งสองฝั่งทะเลที่มีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ได้ โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามันของไทย  ซึ่งมีอาณาเขตตั้งแต่แนวเขตน่านน้ำสากลของประเทศ ไปจนถึงแนวเขตน่านน้ำสากลของประ เทศอินเดียได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งช่วยลดการใช้จ่ายน้ำ มันเชื้อเพลิง ที่ต้องใช้ไปมาระหว่างสองฝั่งทะเลไทย  จากเดิมที่ต้องใช้ปริ มาณมากให้ลดน้อยลง จึงเป็นผลให้เรือประมงไทยสามารถประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายซึ่งคาดการณ์ว่าในจุดนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มผล ผลิตรวมกันประมาณไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี
            6.  คลองไทยจะลดพื้นที่ยากจน เนื่องจากแนวคลองไทยจะตัดผ่านบริเวณทุรกันดารของภาคใต้ จึงทำให้พื้นที่หลายจังหวัด ที่แนวคลองไทยผ่านจะได้รับประโยชน์จากความเจริญ และความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลประชาชนที่อยู่ทั้งสองฝั่งคลองจะได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง นอกจากนี้คลองไทยยังจะช่วยป้อง กันน้ำท้วมจากพายุฝนที่ตกอย่างหนักให้ลงทะเลได้อย่างรวดเร็ว  ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยๆกับ 14 จังหวัดภาค ใต้ได้เป็นอย่างดี
            7.คลองไทยจะเพิ่มบทบาทให้กับประเทศไทยได้รับประโยชน์ ให้มีอำนาจต่อรองถ่วงดุลอำนาจ ทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง และทางทหาร ระหว่างประเทศมหาอำนาจของโลก  เช่นระหว่าง ประเทศจีน กับประเทศสหรัฐอเมริกา (ข้อสังเกตปัจจุบัน ประเทศไต้หวัน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศสิงคโปร์ ได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากประเทศสหรัฐอเมริกา)   เพราะศักยภาพของคลองไทยจะเป็นคลองเดินเรือหลักที่สำคัญของโลกทันที จะมีเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ เรือท่องเที่ยวจากที่ต่างๆทั่วโลกมาใช้คลองไทย เพราะนอกจากจะเป็นการประหยัดเวลา ประหยัดเชื้อเพลิงแล้วยังจะมีความปลอดภัยมาก กว่าเส้นทางปัจจุบัน ที่มีปัญหาโจรสลัดปล้นเป็นประจำบริเวณแถวช่องแคบมะละกา ศักยภาพของคลองไทยจะสามารถให้เรือผ่านได้มากกว่าคลองหลักๆของโลกในปัจจุบันโดยเฉพาะ รูปแบบของคลองไทยจะเป็นแบบคลองคู่ขนาน ทำให้มีความปลอดภัยสูงจากอุบัติเหตุ  สามารถรอง รับให้เรือผ่านได้ 300 ถึง 350 ลำต่อวัน (คลองปานามา 38 ลำต่อวัน คลองสุเอช 87 ลำต่อวัน) คลองไทยจะรองรับเรือขนาดใหญ่ 300,000 ตัน ถึง 500,000 ตัน ซึ่งเป็นที่ต้องการของบริษัทเดินเรือทั่วโลก โดยเฉพาะกรณีหากมีเรื่อรบหรือเรือประเภทใดๆก็ตามที่นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศผ่านคลองไทยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศไทย
             8. ประเทศไทยจะผลิตน้ำมันได้ต้นทุนถูกกว่าประเทศสิงคโปร์ คลองไทยจะเพิ่มความสามารถให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางโรงกลั่นผลิตน้ำมันที่ต้น ทุนต่ำกว่าประเทศสิงคโปร์ในย่านเอเชียได้ เพราะระยะทางการขนส่งน้ำมันใกล้กว่า และขนาดของเรือน้ำมันที่มีขนาดใหญ่กว่าไม่ต้องอ้อมไปผ่านถึงประ เทศสิงคโปร์อีกต่อไปทำให้ลดค่าใช้จ่ายมาก เรือที่มาผ่านคลองไทยจะเป็นลูก ค้ารายใหญ่ที่สำคัญมาใช้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง  ทำให้มีปริมาณการขายน้ำมันได้มากมาย มากพอที่ประเทศไทยจะเป็นผู้กำหนดราคาขายน้ำมันเองได้ และปัญหาน้ำมันเถื่อนก็จะหมดไป ปัจจุบันสิงคโปร์ขายน้ำมันให้กับเรือที่มาใช้บริการ 56,700 ตันต่อวัน  สิงคโปร์ขาย 1 เดือนมากกว่าไทยขาย 1 ปี
             9. คลองไทยจะช่วยประหยัดค่าขนส่งสินค้าทางเรือ โดยเฉพาะเรือขนส่งน้ำมัน (Logistics) ทางทะเลทั้งหมดของประเทศไทย  ทั้งขาเข้า และขาออก เช่นประเทศไทยใช้น้ำมันดิบกว่า 800,000 บาเลน ต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากประเทศในตะวันออกกลางโดยทางเรือมายังโรงกลั่นในประเทศ  เรือขนส่งน้ำมันแต่ละลำจะเสียเวลาไปอ้อมที่ประเทศสิงคโปร์ กว่าจะมาถึงโรงกลั่นน้ำมันที่ประ เทศไทย 5 วัน กลับอีก 5 วัน รวมเสียเวลา 10 วัน หากมีคลองไทยจะเสียเวลาประมาณ 2 วันเท่านั้น  หากคำนวณค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปีประเทศไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มากกว่าแสนล้านบาทต่อปี เพียงเฉพาะการขนส่งน้ำมันอย่างเดียวเป็นต้น หากพิจารณาถึงการขนส่งสินค้าส่งออก หรือเข้าของสินค้าอื่นๆทางเรือของไทย  ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทางภาคอุตสาหกรรมหรือสินค้าทางภาคเกษตร คิดเป็นเงินที่ยังจะประหยัดได้อีกมาก กว่าแสนล้านบาทต่อปี ระบบการขนส่ง (Logistics)ของประเทศไทยโดยรวมสูงถึง 25% - 30ของ(GDP) หรือ ประมาณ 1,500,000 ล้านบาท ถึง 1,800,000 ล้านบาท ต่อปี เฉพาะคลองไทยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 200,000 ล้านบาท ต่อปี

            10. คลองไทยจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทที่สำคัญ ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ ต่างๆในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์  ที่อยู่สองฝั่งทะเลไทย มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก  จะได้รับผลประโยชน์ในด้านการประหยัดค่าใช้จ่าย ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลได้เป็นอย่างมาก เช่นเรือจากประเทศอินเดียจะส่งสินค้าไปยังประเทศจีน หรือ ประเทศญี่ปุ่นจะย่นระยะเวลาได้ 5 วัน ในแต่ละเที่ยวคิดเป็นเงินประหยัดหลายสิบล้านบาทต่อเที่ยว ดังนั้นประเทศต่างๆ ประเทศศรีลังกา ประเทศบังกลาเทศ ประเทศพม่า ประเทศลาว  ประเทศเขมร ประเทศเวียดนาม ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี ประเทศฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ประเทศมาเลเซียด้วยที่จะได้รับประโยชน์จากเส้นทางคลองไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาท ต่อการต่อรองทางการทูตกับประเทศมาเลเซียสูงขึ้น เพราะคลองไทยจะช่วยย่นระยะทาง และเวลาในการเดินเรือของประเทศมาเลเซียที่จะใช้เรือผ่านคลองไทยเข้าออก ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย (ประเทศมาเล เซียขออนุญาตไทยเปิดชายแดนเพื่อขนสินค้าผ่านทางบก หากมีคลองไทยแล้วเราจะไม่ให้ผ่านทางบกได้)
             11. คลองไทยจะช่วยลดปัญหาเรือนกระจก  ย่นระยะทางการเดินเรือ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และลดปัญหาด้านมลภาวะทางอากาศของโลก ในแต่ละปีได้มากมหาศาล ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดภาวะเรือนกระจกบนชั้นบรรยากาศ ที่เป็นต้นเหตุของภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่นับวันแต่จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวันซึ่งมีผลถึงประเทศไทย ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกา ยังไม่ยอมร่วมเซ็นสัญญาโตเกียวที่ว่าด้วยการลดปัญหา The Greenhouse Effect ดังนั้นหากคลองไทยได้เกิดขึ้น คลองไทยจะมีบทบาทมากในการแก้ ปัญหานี้
            12. เศรษฐกิจไทยยุคไร้พรมแดน คลองไทยจะเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ จากศักยภาพของคลองไทยจะสามารถใช้เป็นแผนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ โดยที่จะไม่มีประ เทศใดๆที่จะสามารถมาแข่งขั่นได้เลย เพราะตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่พิเศษสุดนี้ มีที่ประเทศไทยแห่งเดียว คลองไทยจะเป็นขุมทรัพยากรธรรมชาติ ที่ไม่มีวันหมดจะเป็นช่อง ทางสามารถสร้างให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง และมั่นคงได้ยาวนานการแข่งขันทางการค้าบนเวทีการค้าเสรีโลก (WTO) จากประเทศสมาชิก 147 ประเทศ ต่างก็ใช้กลยุธท์ทางการค้ากันเต็มที่ อนาคตการค้าขายระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทอุตสาหกรรม หรือสินค้าเกษตร หรือแม้แต่ธุระกิจให้ บริการแนวโน้มมีการแข่งขันกันรุนแรงยิ่งขึ้นทุกวัน เรา และ ท่าน ต่างทราบกันดีว่าการส่งออกสำหรับสินค้าภาคเกษตรของประเทศไทย ทั้งหมดรายได้ ยังน้อยกว่ารายได้จากการท่องเที่ยวเสียอีก แต่ถึงอย่างไรการเกษตรก็จะยังคงมีความสำคัญอยู่ เพราะประเทศไทยจะต้องมีอาหารที่สมบูรณ์พอเพียง แต่การคาดหวังจะให้สินค้าจากทางภาคเกษตร เป็นธงนำทางเศรษฐกิจที่จะนำพาไปสู่ความมั่งคั่งของประเทศ แทบจะมองไม่เห็นความสว่างเลย ข้อมูลของธนาคารแห่งชาติ แสดงถึงรายได้ทางภาคเกษตรทั้งหมดของประเทศไทยประมาณ 9-10 เปอร์เซนต์ ของมูลค่าผลิตภัณท์มวลรวมของประเทศเท่านั้น หรือประมาณ 500,000 ล้านบาท แต่ใช้ประชากรผลิตประมาณครึ่งประเทศ รายได้ยังน้อยกว่ารายได้ จากภาคการท่องเที่ยวซึ่งได้ถึงประมาณ 700,000 ล้านบาท หรือแม้แต่สินค้าภาคอุตสาหกรรมก็ตาม มีสินค้าอุตสาหกรรมหลายอย่างของประเทศไทยที่ส่งออก รายได้ที่แท้จริงที่ได้ก็เป็นเพียงค่าแรง งานในฐานะผู้รับจ้างผลิต หรือไม่ก็เป็นผู้รับประกอบชิ้นส่วนเป็นหลักเสียส่วนมาก ตัวเลขจำนวนเงินมูลค่าของสินค้า ภาคอุตสาหกรรมที่ส่งออกดูเหมือนจะสูงมาก แต่รายได้ที่แท้จริงที่ไทยได้รับคือค่าแรงงานประมาณ 25 - 30 เปอร์ เซนต์ ของมูลค่าที่ส่งออกเท่านั้น

            เมื่อประมาณ 20 กว่าปี ที่ผ่านมาประเทศเพื่อนบ้านของเราหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน ประเทศอินเดีย ประเทศเกาหลีใต้ เคยเป็นลูกค้ารายใหญ่ของไทย แต่ตอนนี้กำลังจะกลายมาเป็นพ่อค้ารายใหญ่ของไทยต่อไปอาจจะเป็นประเทศเวียดนาม ประเทศเขมร ประเทศลาว หรือประเทศพม่า เพราะประเทศดังกล่าวยังมีต้นทุนด้านแรงงานต่ำ และทรัพยากรทางธรรมชาติยังมีอยู่มาก ซึ่งตอนนี้มีประเทศบางประเทศที่ร่ำรวยแต่ไม่มีทรัพยา กรในประเทศมากนัก ได้ไปลงทุนผลิตสินค้าทางด้านการเกษตรใน 4 ประเทศ ดังกล่าว ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมาผลิตสินค้าด้านเกษตร(GMO) ขายแข่งกับประเทศไทยต่อไปก็ได้ แต่สำหรับประเทศมาเลเซียตอนนี้ความเจริญแซงประเทศไทยไปนานแล้ว

ดังนั้นโครงการคลองไทยจึงเป็นความหวัง และโอกาศของประเทศที่จะใช้เป็นธงนำสร้างความ เข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และทางการเมืองของไทยได้   เป็นบุญของแผ่นดินไทยจริงๆที่มีทำเลที่วิเศษ เป็นทรัพยากรที่ใช้ไม่มีวันหมด 
                           
            ณ วันนี้ถึงเวลาหรือยังที่เราน่าจะให้ข้อมูลดังกล่าวกับประชาชน ได้มีส่วนร่วม รับรู้ รับทราบ และ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจกับโครงการนี้ กันเสียทีว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจะก่อให้เกิดประโยชน์ หรือความเสียหายมากกว่ากัน

ภาพและข้อมูลจากhttp://www.thai-canal.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น