จากนสพ.มติชนออนไลน์ ได้เฉลยบางเรื่องที่หลายคนข้องใจ ดังนี้
เด็กหญิงหน้าบึ้งที่เอามือปิดหู ระหว่างที่เจ้าชายวิลเลียมและเคท มิดเดิลตัน กำลังจุมพิตประวัติศาสตร์คือใคร?
เธอคือ ด.ญ.เกรซ แวน คัทเซม วัย 3 ขวบ บุตรสาวของพ่อแม่อุปถัมภ์ของเจ้าชายวิลเลียม และเป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว (ตามธรรมเนียมการแต่งงานของอังกฤษจะไม่มีเด็กหญิงผู้ถือช่อดอกไม้ ดังนั้นเด็กหญิงจึงต้องทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว) เธอเป็นบุตรของเลดี้ โรส แอสเตอร์ และนายฮิวจ์ แวน คัสเซม และหลานทวดของนายวิลเลียม วาลดอล์ฟ แอสเตอร์ ทนายความและนักการเมืองชาวนิวยอร์ค เจ้าของกิจการโรงแรมวาลดอล์ฟ ในนครนิวยอร์ค ซึ่งต่อมาได้เป็นสมาชิกของกลุ่มชนชั้นสูงของอังกฤษ และคาดว่าที่เธอทำเช่นนั้นก็เพราะเสียงเครื่องบินจากกองทัพอากาศที่ร่วมบิน เฉลิมพระเกียรติอยู่บนท้องฟ้า และเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจากประชาชน
ปกติแล้ว ในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์มีต้นไม้หรือไม่?
ตามข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เดลีเมล์กล่าวว่า เคทเป็นผู้ที่หลงไหลการใช้ชีวิตกลางแจ้ง เธอจึงได้สั่งต้นไม้ประเภทต่างๆจำนวน 4 ตัน เพื่อมาตกแต่งเป็นสวนแบบอังกฤษในมหาวิหาร ซึ่งรวมถึงต้นเมเปิ้ลที่มีอายุ 15 ปี ขนาดความสูง 6 เมตร มาวางเรียงรายเสมือนหนึ่งเป็นถนนที่นำไปสู่แท่นพิธี ซึ่งทั้งหมดมีมูลค่าทั้งสิ้น 50,000 ปอนด์ (ประมาณ 2,500,000 บาท)
เพลงที่บรรเลงระหว่างที่เคทเดินเข้ามหาวิหารคือเพลงอะไร?
เพลงที่ใช้ คือเพลง "I Was Glad" ซึ่งประพันธ์โดยเซอร์ชาร์ลส ฮูเบิร์ต ฮาสติ้งส์ แพร์รี ซึ่งใช้ในพิธีขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ปู่ทวดของเจ้าชายวิลเลียม เมื่อปี 1902
ทำไมเจ้าชายวิลเลียมจึงไม่หันมองระหว่างที่เคท มิดเดิลตัน กำลังเดินมายังแท่นพิธี?
ตามธรรมเนียมแล้ว เจ้าบ่าวจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้เห็นเจ้าสาว หลังจากที่เธอค่อยๆเดินมาตามทางเดินจากหน้าประตูโบสถ์สู่แท่นพิธี และเนื่องจากทางเดินในมหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์มีความยาวถึง 90 เมตร เจ้าชายจึงต้องรออย่างกระสับกระส่ายถึงอย่างน้อย 4 นาที
เจ้าชายวิลเลียมกระซิบอะไรกับเคท?
ตามข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านการอ่านคำพูดจากปาก เจ้าชายวิลเลียมกล่าวต่อเคทว่า "คุณดูสวยมาก" ก่อนที่จะหันไปบอกนายไมเคิล บิดาของเคทว่า "เราอยากจะมีครอบครัวเล็กๆ"
เจ้าชายวิลเลียมและเคท มิดเดิลตันหายไปไหน ระหว่างช่วงกลางพิธี?
ทั้งสองเดินไปยัง Shrine of Saint Edward the Confessor ซึ่งเป็นห้องด้านในของมหาวิหาร เพื่อจดทะเบียนสมรส
เหตุใดเจ้าชายวิเลียมจึงทรงฉลองพระองค์ในชุดสีแดง?
เจ้าชายวิลเลียมทรงได้รับแต่งตั้งเป็นนายทหารยศพันเอกแห่งหน่วยไอริช การ์ด ซึ่งเป็นหน่วยทหารราบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยฉลองพระองค์จะเป็นเครื่องแบบสีแดง นอกจากนั้น ยังทรงสวมเครื่องหมายประดับยศแห่งกองทัพอากาศ เนื่องจากปัจจุบันทรงเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ให้แก่หน่วยค้นหาและกู้ภัยแห่ง กองทัพอากาศอังกฤษ
ชุดเจ้าสาวของเคท มิดเดิลตัน ได้รับแรงบันดาลใจจากเกรซ เคลลีหรือไม่?
หลายฝ่ายกล่าวว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะชุดที่เกรซ เคลลี นักแสดงฮอลลีวู้ด ใช้สวมใส่ระหว่างพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายเรเนียร์ที่ 3 แห่งโมนาโค เมื่อเดือนเมษายน 1956 มีความคล้ายคลึงกับชุดนี้มาก และทั้งสองชุดต่างก็เป็นชุดแต่งงานแบบแขนยาวและเข้ารูป ปกคอสั้น และชายกระโปรงยาวปานกลาง พร้อมด้วยลูกไม้ประดับตกแต่งจำนวนมาก
ช่อดอกไม้ของเคท มิดเดิลตันประกอบด้วยดอกอะไรบ้าง?
ตามข้อมูลของเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพิธีเสกสมรสกล่าวว่า ช่อดอกไม้ออกแบบมาในรูปทรงโล่ ประกอบด้วยดอกเมอเทิล, ดอกลิลลีป่า, ดอกสวีท วิลเลียม, เถาไม้เลี้อย และดอกไฮยาซินธ์ โดยดอกเมอเทิลที่ใช้นำมาจากพื้นที่ปลูกเดียวกับที่เคยใช้ทำช่อดอกไม้ในพิธี สมรสให้กับสมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ในปี 1845 และสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ เมื่อปี 1947
มีข้อความใดแอบแฝงอยู่อีกหรือไม่?
-ชุดของเพื่อนเจ้าสาวแต่ละคน จะมีการปักชื่อของพวกเธอ และวันพิธีเสกเสกสมรสด้วยมือลงบนลายผ้า
-เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะไม่กล่าวคำสาบานต่อกัน แต่ทั้งสองจะร่างคำสวดภาวนาด้วยตนเองและส่งให้บาทหลวงริชาร์ด ชาร์เทรส บิชอปแห่งลอนดอน เพื่ออ่านในระหว่างพิธี
-ดอกไม้แต่ละประเภทในช่อดอกไม้มีความหมายต่างกันไป ดอกลิลลีป่า แสดงถึงการหวนคืนของความสุข ดอกสวีท วิลเลียม แสดงถึงความกล้าหาญ ดอกไฮยาซินธ์ แสดงถึงความมั่นคงในรัก ดอกเมอเทิล แสดงถึงการสมรสและความรัก ขณะที่เถาไม้เลี้อย แสดงถึงความซื่อสัตย์ การสมรส ความรักที่เกิดการสมรส มิตรภาพ และความรักใคร่
ชื่อเต็มของทั้งสองพระองค์หลังการสมรสคืออะไร?
เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ ได้รับพระอิสริยยศใหม่เป็น"ดยุคแห่งแคมบริดจ์" หรือ "His Royal Highness Prince William Arthur Philip Louis, Duke of Cambridge, Early of Strathearn, Baron Carrickfergus, Royal Knight Companion of the Most Noble Order of the Garter, Master of Arts" (ตามข้อมูลของเว็บไซต์ของราชวงศ์อังกฤษระบุว่า ผู้ที่มีคำนำหน้าว่า เจ้าฟ้าชาย(His Royal Highness) หรือเจ้าฟ้าหญิง (Her Royal Highness) ไม่จำเป็นต้องใช้นามสกุล โดยราชสกุลเดิมของเจ้าชายวิลเลียมคือ Mountbatten-Windsor) ขณะที่เคท มิดเดิลตัน ได้รับพระอิสริยยศใหม่เป็น"ดัชเชสแห่งแคมบริดจ์" (Her Royal Highness, The Duchess of Cambridge) แต่ประชาชนก็อาจเรียกชื่ออย่างไม่เป็นทางการของพระองค์ อาทิ "เจ้าหญิงแคเธอรีน" หรือ"เจ้าหญิงเคท" ได้เช่นกัน
เจ้าหญิงเคท สวมมงกุฎเทียร่าของเจ้าหญิงไดอานาหรือไม่?
ไม่ได้สวม เจ้าหญิงไดอานาสวมมงกุฎเทียร่าของตระกูลสเปนเซอร์ ซึ่งออกแบบเป็นรูปดอกไม้ที่ประดับด้วยเพชร และโครงที่ทำจากเงิน ขณะที่มงกุฎที่เคทสวมในพิธี เธอได้รับมาจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งสมเด็จพระเจ้าจอร์จ มอบให้แก่สมเด็จพระมารดาของพระองค์เมื่อปี 1936 และตกทอดมายังพระองค์ขณะทรงมีพระชันษา 18 ปี
ต่างหูของเจ้าหญิงเคทได้มาจากที่ใด?
ตามข้อมูลของเว็บไซต์พิธีเสกสมรส ต่างหูดังกล่าวออกแบบโดยโรบินสัน เพลแลม โดยมีเพชรซึ่งออกแบบเป็นรูปผลต้นโอ๊กซึ่งล้อมด้วยกรอบทรงน้ำหยด โดยเธอได้รับจากบิดามารดาของเธอ ซึ่งต้องการให้เข้ากับมงกุฎเทียร่าที่เธอสวมใส่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตราสัญลักษณ์ของครอบครัวมิดเดิลตัน
ใครอยู่บนระเบียงหลวงบ้าง?
เรียงจากซ้ายไปขวา นายริชาร์ด นางแคโรล มิดเดิลตัน, เจ้าฟ้าชายชาร์ลส, ดัชเชส ออฟ คอร์นวอลล์, เลดี้หลุยส์ เมาท์แบทเทน-วินด์เซอร์, เกรซ แวน คัทเซม, เจ้าหญิงแคทเธอรีน, เจ้าชายวิลเลียม, มาร์การิต้า อาร์มสตรอง-โจนส์, ทอม เพติฟเฟอร์, วิลเลียม โลว์เธอร์-พิงเคอร์ตัน, สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2, เจ้าชายฟิลิป, น.ส.พิปปา มิดเดิลตัน, เจ้าชายแฮร์รี และเจมส์ มิดเดิลตัน
30 เม.ย. 2554
การถมดินบ้านให้สูง ต้องดูอะไรบ้าง
การถมดินบ้านให้สูง
"หลายคนอาจนึกในใจว่า ต้องสร้างบ้านให้ที่ดินสูงกว่าถนนอยู่แล้ว ก็ถูก แต่ใช่ว่าจะถูกทั้งหมด เพราะถ้าถมที่ดินสูงเกินไป อาจสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นได้
หลักฮวงจุ้ยพูดเอาไว้เสมอว่า ทุกอย่างต้องสมดุล ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ต้องพอดีๆ ครับ อะไรที่สูงเกินไป ต่ำเกินไป ย่อมกลายเป็นผลเสียทั้งสิ้น ที่ดินที่ต่ำกว่าถนน เป็นเรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่ก็รู้กันอยู่แล้วว่า ไม่ดี
แต่เดี๋ยวนี้ คนไม่ได้ดูแค่ถนนกันแล้ว แต่จะเปรียบเทียบจากบ้านข้างๆ ว่าสูงเท่าไร
บ้านที่จะสร้างใหม่จะต้องสูงกว่า ทำให้พื้นที่ดินเกิดความสูงต่ำไม่เท่ากัน บางบ้านถมที่สูงกว่าถนนมาก ทำให้เสียสภาพที่ดีไปในทันที
ตามหลักฮวงจุ้ยบอกเอาไว้ว่า บ้านที่ยกพื้นดินสูงกว่าถนนหน้าบ้านมากๆ จะทำให้กระแสชี่ไหลเข้าบ้านลำบาก ไม่ราบรื่น เปรียบเสมือนมีภูเขาหรือเขื่อนกั้นอยู่หน้าบ้าน ซึ่งหมายถึงเป็นบ้านขัดทรัพย์ไปอย่างน่าเสียดาย
วิธีที่ดี จะต้องพิจารณาระดับของพื้นถนนเป็นหลักครับ โดยปกติทั่วไปความสูงในการถมที่ดินจะอยู่ในระดับ 50-80 เซนติเมตร จากระดับของถนนหน้าบ้าน ยกเว้นว่า รู้แน่ๆว่าจะมีการทำถนนใหม่ด้านหน้าบ้านให้สูงขึ้น อาจจะถมที่ดินเผื่อไว้ให้สูงกว่าระดับนี้ได้ครับ
กรณีสร้างบ้านบนเนินอาจถมที่ดินให้มีความต่างระดับกันก็ได้ โดยส่วนของตัวบ้านที่อยู่บนเนินอาจมีระดับที่สูงกว่าระดับ 50-80 เซนติเมตรก็ได้ แต่ถ้าถมสูงมากจะต้องปรับพื้นแบบไล่ระดับ โดยพิจารณาจากถนนหน้าบ้านเป็นหลัก
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งในเรื่องของการถมที่ดินที่ต่างระดับกัน จะต้องคำนึงถึงเรื่องการไหลของน้ำ
เวลาฝนตกด้วย
หลักฮวงจุ้ยบอกว่า บ้านต้องไม่อยู่ในตำแหน่งรับน้ำ หรือน้ำไหลชนตัวบ้าน ส่วนใหญ่การปรับระดับของที่ดิน
มักจะนิยมทำในลักษณะที่เป็นเนินหลังเต่า เวลาฝนตกน้ำจะไหลข้างตัวบ้านทั้งสองทาง เพราะฉะนั้น
การถมที่ดิน ในลักษณะเนินหลังเต่า จึงถือว่าเข้าลักษณะที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย
นอกจากนี้ เรื่องของการถมที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้าน ยังมีเคล็ดลับเกี่ยวกับการนำดินมาถมอีกด้วย โดยในตำราจะบอกเอาไว้ว่า ดินที่นำมาถมนั้น จะต้องเป็นดินที่มีคุณภาพดี มาจากแหล่งที่ดี ห้ามนำพวกขยะ เศษหิน เศษปูน มาถม ดินส่วนใหญ่ที่ดีจะต้อง ไม่มีประวัติที่เสีย เช่น เป็นดินที่ขุดมาจากสถานที่ ที่เคยเกิดภัยพิบัติ ไฟไหม้ ตึกถล่ม สุสาน หรือสถานที่ที่มีคนตายหมู่
ในทางฮวงจุ้ยจะถือว่าอัปมงคลอย่างยิ่ง เพราะดินจะมีเชื้อแห่งความสูบเสียและจิตวิญญาณของคนตายติดมาด้วย ดินที่มีลักษณะดี ส่วนใหญ่จะเป็นดินร่วนผสมดินเหนียว ซึ่งเป็นดินที่เหมาะกับการเพาะปลูก แหล่งดินส่วนใหญ่ที่นำมาถม จึงได้มาจากทุ่งนา ไร่สวน ที่มีสภาพดินที่ดีอยู่แล้ว
กรณีกลับกัน บ้านจำเป็นต้องปลูกสร้างบนที่ดินที่มีประวัติเสีย ก็สามารถแก้ไขได้โดยการขุดหน้าที่ดินเก่าออก แล้วเอาดินใหม่ ถมเข้าไปแทน ไม่ใช่เอาดินใหม่ถมทับเข้าไป อย่างนี้เชื้อดินเดิมจะยังคงอยู่ จะส่งผลเสียเช่นกัน
บางตำราระบุเอาไว้ด้วยว่า บริเวณที่จะสร้างบ้าน จะต้องเอาตาข่ายปูรอบที่ดินก่อนที่จะสร้างบ้านลงไป เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ใต้ดินไม่ให้มารบกวนคนในบ้าน ซึ่งเป็นความเชื่อของคนสมัยก่อน ตาข่ายที่นำมาปูจะต้องผ่านการทำพิธีมาก่อนจึงจะนำมาใช้ได้ เพราะเป็นการแก้เรื่องของจิตวิญญาณโดยตรง
เห็นไหมครับ เรื่องของการถมที่ดินก็ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ บางครั้งอาจส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงชนิดคาดไม่ถึงเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าทำได้แต่เริ่มแรกก็ไม่ควรละเลยนะครับ"
เอ้า.... ใครจะถมดินก็ควรตรวจสอบบ้างว่าควรถมดินสูงแค่ไหน และถมลักษณะใดจึงจะดี และ ดินที่จะถมควรนำมาจากที่ไหน
การถมดินบ้านให้สูง ควรระวังในเรื่อง ระดับดินที่เหมาะสม
ก่อนที่จะทำการสร้างบ้าน หรือสิ่งก่อสร้างใดๆ เจ้าของเทบทุกรายจะต้องเกิดคำถามว่า ระดับดินของบ้านหรือโครงการนั้นจะเอาสูงแค่ไหน การที่จะตอบปัญหาข้อนี้ควรจะดูปัจจัยต่างๆอย่างเช่น
ก่อนที่จะทำการสร้างบ้าน หรือสิ่งก่อสร้างใดๆ เจ้าของเทบทุกรายจะต้องเกิดคำถามว่า ระดับดินของบ้านหรือโครงการนั้นจะเอาสูงแค่ไหน การที่จะตอบปัญหาข้อนี้ควรจะดูปัจจัยต่างๆอย่างเช่น
- บริเวณ พื้นที่นั้น มีน้ำท่วมหรือเปล่า ท่วมสูงแค่ไหน อาจจะต้องสอบถามจากผู้คนแถวๆนั้น หรือถ้าสามารถดูร่องรอยน้ำท่วมที่อยู่ตามสิ่งก่อสร้างต่างๆได้ก็ยิ่งดีครับ
- ระดับ ท่อระบายน้ำและบ่อพักสูงแต่ไหน ระดับน้ำในระบบท่อระบายน้ำในพื้นที่นั้นอยู่ที่ระดับไหน สามารถสอบถามได้จากหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบอยู่ หากระดับที่คุณต้องการถมอยู่ค่อนข้างสูงก็ไม่เป็นไรจะไม่มีปัญหาเรื่องการ ระบายน้ำ แต่ถ้าระดับของคุณค่อนข้างต่ำกว่าพื้นที่ข้างเคียง(ไม่ควร แต่จะด้วยเหตุจำเป็นใดๆก็ตาม) ควรจะเชคตัวนี้ด้วยครับเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำในบ้านเราสามารถระบายออกสู่ระบบ ระบายน้ำสาธารณะได้
- ระดับถนนหน้าบ้าน และระดับดินพื้นที่ข้างเคียง ปัจจุบันมีการถมยกระดับถนนกันมาก แข่งกันถมทั้งถนน ทั้งเพื่อนบ้าน ถ้าสามารถให้ระดับดินของเราใกล้เคียงกับพื้นที่รอบๆก็น่าจะดีครับ ทั้งในแง่ความปลอดภัยของโครงสร้างรั้ว การระบายน้ำ ฯลฯ
"หลายคนอาจนึกในใจว่า ต้องสร้างบ้านให้ที่ดินสูงกว่าถนนอยู่แล้ว ก็ถูก แต่ใช่ว่าจะถูกทั้งหมด เพราะถ้าถมที่ดินสูงเกินไป อาจสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นได้
หลักฮวงจุ้ยพูดเอาไว้เสมอว่า ทุกอย่างต้องสมดุล ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ต้องพอดีๆ ครับ อะไรที่สูงเกินไป ต่ำเกินไป ย่อมกลายเป็นผลเสียทั้งสิ้น ที่ดินที่ต่ำกว่าถนน เป็นเรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่ก็รู้กันอยู่แล้วว่า ไม่ดี
แต่เดี๋ยวนี้ คนไม่ได้ดูแค่ถนนกันแล้ว แต่จะเปรียบเทียบจากบ้านข้างๆ ว่าสูงเท่าไร
บ้านที่จะสร้างใหม่จะต้องสูงกว่า ทำให้พื้นที่ดินเกิดความสูงต่ำไม่เท่ากัน บางบ้านถมที่สูงกว่าถนนมาก ทำให้เสียสภาพที่ดีไปในทันที
ตามหลักฮวงจุ้ยบอกเอาไว้ว่า บ้านที่ยกพื้นดินสูงกว่าถนนหน้าบ้านมากๆ จะทำให้กระแสชี่ไหลเข้าบ้านลำบาก ไม่ราบรื่น เปรียบเสมือนมีภูเขาหรือเขื่อนกั้นอยู่หน้าบ้าน ซึ่งหมายถึงเป็นบ้านขัดทรัพย์ไปอย่างน่าเสียดาย
วิธีที่ดี จะต้องพิจารณาระดับของพื้นถนนเป็นหลักครับ โดยปกติทั่วไปความสูงในการถมที่ดินจะอยู่ในระดับ 50-80 เซนติเมตร จากระดับของถนนหน้าบ้าน ยกเว้นว่า รู้แน่ๆว่าจะมีการทำถนนใหม่ด้านหน้าบ้านให้สูงขึ้น อาจจะถมที่ดินเผื่อไว้ให้สูงกว่าระดับนี้ได้ครับ
กรณีสร้างบ้านบนเนินอาจถมที่ดินให้มีความต่างระดับกันก็ได้ โดยส่วนของตัวบ้านที่อยู่บนเนินอาจมีระดับที่สูงกว่าระดับ 50-80 เซนติเมตรก็ได้ แต่ถ้าถมสูงมากจะต้องปรับพื้นแบบไล่ระดับ โดยพิจารณาจากถนนหน้าบ้านเป็นหลัก
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งในเรื่องของการถมที่ดินที่ต่างระดับกัน จะต้องคำนึงถึงเรื่องการไหลของน้ำ
เวลาฝนตกด้วย
หลักฮวงจุ้ยบอกว่า บ้านต้องไม่อยู่ในตำแหน่งรับน้ำ หรือน้ำไหลชนตัวบ้าน ส่วนใหญ่การปรับระดับของที่ดิน
มักจะนิยมทำในลักษณะที่เป็นเนินหลังเต่า เวลาฝนตกน้ำจะไหลข้างตัวบ้านทั้งสองทาง เพราะฉะนั้น
การถมที่ดิน ในลักษณะเนินหลังเต่า จึงถือว่าเข้าลักษณะที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย
นอกจากนี้ เรื่องของการถมที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้าน ยังมีเคล็ดลับเกี่ยวกับการนำดินมาถมอีกด้วย โดยในตำราจะบอกเอาไว้ว่า ดินที่นำมาถมนั้น จะต้องเป็นดินที่มีคุณภาพดี มาจากแหล่งที่ดี ห้ามนำพวกขยะ เศษหิน เศษปูน มาถม ดินส่วนใหญ่ที่ดีจะต้อง ไม่มีประวัติที่เสีย เช่น เป็นดินที่ขุดมาจากสถานที่ ที่เคยเกิดภัยพิบัติ ไฟไหม้ ตึกถล่ม สุสาน หรือสถานที่ที่มีคนตายหมู่
ในทางฮวงจุ้ยจะถือว่าอัปมงคลอย่างยิ่ง เพราะดินจะมีเชื้อแห่งความสูบเสียและจิตวิญญาณของคนตายติดมาด้วย ดินที่มีลักษณะดี ส่วนใหญ่จะเป็นดินร่วนผสมดินเหนียว ซึ่งเป็นดินที่เหมาะกับการเพาะปลูก แหล่งดินส่วนใหญ่ที่นำมาถม จึงได้มาจากทุ่งนา ไร่สวน ที่มีสภาพดินที่ดีอยู่แล้ว
กรณีกลับกัน บ้านจำเป็นต้องปลูกสร้างบนที่ดินที่มีประวัติเสีย ก็สามารถแก้ไขได้โดยการขุดหน้าที่ดินเก่าออก แล้วเอาดินใหม่ ถมเข้าไปแทน ไม่ใช่เอาดินใหม่ถมทับเข้าไป อย่างนี้เชื้อดินเดิมจะยังคงอยู่ จะส่งผลเสียเช่นกัน
บางตำราระบุเอาไว้ด้วยว่า บริเวณที่จะสร้างบ้าน จะต้องเอาตาข่ายปูรอบที่ดินก่อนที่จะสร้างบ้านลงไป เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ใต้ดินไม่ให้มารบกวนคนในบ้าน ซึ่งเป็นความเชื่อของคนสมัยก่อน ตาข่ายที่นำมาปูจะต้องผ่านการทำพิธีมาก่อนจึงจะนำมาใช้ได้ เพราะเป็นการแก้เรื่องของจิตวิญญาณโดยตรง
เห็นไหมครับ เรื่องของการถมที่ดินก็ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ บางครั้งอาจส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงชนิดคาดไม่ถึงเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าทำได้แต่เริ่มแรกก็ไม่ควรละเลยนะครับ"
เอ้า.... ใครจะถมดินก็ควรตรวจสอบบ้างว่าควรถมดินสูงแค่ไหน และถมลักษณะใดจึงจะดี และ ดินที่จะถมควรนำมาจากที่ไหน
เพื่อนบ้านถมที่สูงเท่ากำแพงรั้วบ้าน.....ทำไงดี
วันก่อน พี่ที่เป็นเพื่อนบ้านมาปรารภให้ฟังว่า เจ้าของที่ที่อยู่ติดด้านหลังบ้าน มาถมที่เตรียมสร้างบ้าน ....ครั้งแรก เราก็เออออไปกับพี่เขาอย่างนั้นแหละ .....แบบไม่ค่อยสนใจเท่าไร
แต่มา สะดุดกับคำว่า "กลุ้มใจที่สุดเลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี"
ก็เลยตั้งใจฟังคำของพี่เขา ได้ความว่า เจ้าของที่ด้านหลังนั้น ถมที่....แบบกลัวน้ำท่วม
เลยถมดินซะ สูงเท่ากำแพงรั้วบ้านพี่เขาเลย รั้วพี่เขาก็ไม่สูงเท่าไร แค่ 1.50 เมตรเอง
จากการค้นหากระทู้เก่าๆ ซึ่งเป็นกระทู้ของคนที่ถมที่สูงกว่าบ้านเดิม ได้ความว่า ทำได้แต่อาจจะอยู่ไม่มีความสุข เพราะมีอริ เป็นเพื่อนบ้าน คงอยู่ยาก อ่านเพิ่มเติม
เอ้า! ผู้รู้ทั้งหลาย เข้ามาช่วยแก้ปัญหาหน่อย มีกฏหมายอะไร ช่วยได้บ้าง
แจ้งตำรวจให้ทำอะไรได้บ้างไหม
หรือ ถือว่าเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางก่อน ที่เราดันไปสร้างบ้านก่อนเขา เขามาทีหลังเลยต้องสูงไว้
......คนที่สร้างบ้านก่อนอยู่ในคลองช่าง....หัวมัน
แต่มา สะดุดกับคำว่า "กลุ้มใจที่สุดเลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี"
ก็เลยตั้งใจฟังคำของพี่เขา ได้ความว่า เจ้าของที่ด้านหลังนั้น ถมที่....แบบกลัวน้ำท่วม
เลยถมดินซะ สูงเท่ากำแพงรั้วบ้านพี่เขาเลย รั้วพี่เขาก็ไม่สูงเท่าไร แค่ 1.50 เมตรเอง
จากการค้นหากระทู้เก่าๆ ซึ่งเป็นกระทู้ของคนที่ถมที่สูงกว่าบ้านเดิม ได้ความว่า ทำได้แต่อาจจะอยู่ไม่มีความสุข เพราะมีอริ เป็นเพื่อนบ้าน คงอยู่ยาก อ่านเพิ่มเติม
เอ้า! ผู้รู้ทั้งหลาย เข้ามาช่วยแก้ปัญหาหน่อย มีกฏหมายอะไร ช่วยได้บ้าง
แจ้งตำรวจให้ทำอะไรได้บ้างไหม
หรือ ถือว่าเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางก่อน ที่เราดันไปสร้างบ้านก่อนเขา เขามาทีหลังเลยต้องสูงไว้
......คนที่สร้างบ้านก่อนอยู่ในคลองช่าง....หัวมัน
เกาะกระแส Royal Wedding: William and Kate
เมื่อวานนี้ (29 เมษายน 2011) ตอนเย็นก็เกาะติดหน้าทีวี ดู Royal Wedding:
Prince William and Kate ก็เลยนำลิงค์ วิดิโอมาให้ดูก็แล้วกัน
ที่นี้เราเลยอยากรู้ประวัติของเจ้าสาวบ้าง ก็ลองไปค้นๆดูพบว่า
Photo from http://www.lugaluda.com
แล้วก็เกิดความสงสัยว่า หน้าตาของธุรกิจที่ชื่อ Party Pieces นี่มันเป็นอย่างไร ก็คนมัน...รู้น้อยนี่
(ไม่อยากใช้คำว่า โง่) ก็ search หา พบ
Photograph: Suzanne Plunkett/PA
ชุดเจ้าสาว มี 2 ชุด ออกแบบโดย Sarah Burton แห่ง Alexander McQueen
ชุดแรกในงานพิธี
ชุดที่ 2 ในงานเลี้ยงฉลองสมรส
Prince William and Kate ก็เลยนำลิงค์ วิดิโอมาให้ดูก็แล้วกัน
ที่นี้เราเลยอยากรู้ประวัติของเจ้าสาวบ้าง ก็ลองไปค้นๆดูพบว่า
เคท มิดเดลตัน เธอคนนี้เป็นที่รู้จักครั้งแรกในฐานะแฟนสาวของรัชทายาทอันดับที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร “เจ้าชายวิลเลียม” แต่ในตอนนี้ชื่อของเธอดังคับโลกในฐานะว่าที่พระชายา
ว่าที่เจ้าหญิง รวมไปถึงว่าที่พระราชินีแห่งอังกฤษในอนาคตด้วย
ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2554 นี้จะมีพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมและเคท
มิดเดิลตัน ซึ่งจัดขึ้นในโบสถ์
เวสต์ มินสเตอร์ แอบบีย์ ที่เดียวกับที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส และเจ้าหญิงไดอานา ทรงเข้าพิธี และพิธีอภิเษกสมรสนี้จะเป็นงานมงคลครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปีของราชวงศ์อังกฤษเลยทีเดียว และถึงจะรู้ข่าวคราวของว่าที่เจ้าหญิงแห่งเวลส์มามากแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่ทราบประวัติของเธอว่ามีความเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเธอกันให้มากขึ้นค่ะ
Kate and her parents
เคท มิดเดิลตัน หรือ แคทเธอรีน เอลิซาเบธ มิดเดิลตัน (Catherine Elizabeth Middleton) เกิดวันที่ 9 มกราคม 1982 ที่เมืองเรดดิ้ง เบิร์กไชร์ ประเทศอังกฤษ เป็นบุตรสาวคนโตของนายไมเคิล ฟรานซิส มิดเดิลตัน และนางแคโรล เอลิซาเบธ
มิดเดิลตัน เคทมีพี่น้องอีกสองคนคือ ฟิลลิปปา หรือ ปิปปา ชาล็อต และ เจมส์ วิลเลียม
James Willaiam Middleton
(Photo from http://telegraph.co.uk)
บิดา และมารดาของเคทเคยทำงานกับสายการบิน โดยเฉพาะบิดาที่ทำงานกับสายการบิน British Airway ทำให้ต้องเดินทางบ่อย ซึ่งในช่วงปี 1984 ครอบครัวของเธอต้องย้ายไปอยู่ที่ประเทศจอร์แดนเพราะบิดาของเธอจะต้องไปประจำ การอยู่ที่นั่น และในปี 1986 ก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ประเทศอังกฤษเป็นการถาวร
ครอบครัวมิดเดิลตันไม่ได้ร่ำรวยมาแต่แรก แต่ด้วยความมุมานะของบิดาและมารดาของเธอในการบุกเบิกธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ จัดงานปาร์ตี้ส่งทางไปรษณีย์ที่มีชื่อว่า Party Pieces ซึ่งจากธุรกิจนี้เองที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับตระกูลมิดเดิลตัน และทำให้กลายเป็นมหาเศรษฐีอย่างเช่นทุกวันนี้
เคทจบการศึกษาจาก วิทยาลัยมาร์ลโบโรจห์ (Marlborough College) และเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยที่เซนต์ แอนดรูวส์ ประเทศสก็อตแลนด์ (University of St. Andrews)
ในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ ซึ่งที่นี่เองที่ทำให้เธอได้พบกับเจ้าชายวิลเลียมเป็นครั้งแรก
และสานสัมพันธ์มาจนมาถึงปัจจุบัน
ตั้งแต่เคทคบหากับเจ้าชายวิลเลียมมานั้นมีหลายคนและหลายสื่อออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสมคู่ควร
รวมไปถึงการตั้งข้อกล่าวหาว่าเคทสมัครเข้าเรียนต่อที่เซนต์ แอนดรูวส์เพื่อต้องการจะจับเจ้าชาย
จนมีการสืบสาวต้นตระกูล
มิดเดิลตันว่าแท้จริงแล้วมีความเป็นมาอย่างไร
การสืบประวัติต้นตระกูลของเธอได้รับการตรวจสอบและเขียนตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือชื่อ “บรรพบุรุษของแคทเธอรีน
มิด เดิลตัน” (The Ancestry of Catherine Middleton) ซึ่งสืบสาวไปจนถึงขนาดที่ว่าจริงๆ ต้นตระกูลของเธอมีทั้งที่เป็นพ่อค้า คนขายเนื้อ คนงานในเหมืองถ่านหิน แต่ที่ทำให้ประหลาดใจที่สุดๆ เห็นจะเป็นข้อมูลที่ว่า แท้จริงแล้วเธอเป็นญาติห่างๆ ชั้นที่ 8 ของจอร์จ วอชิงตัน อดีตประธานาธิบดีผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกา ทั้งยังเป็นญาติห่างๆ ของฟรานซิส สก็อตต์ คีย์ ผู้แต่งเพลงชาติสหรัฐฯ (The Star Spangled Banner) รวมถึงพลเอกจอร์จ แพทตัน ผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้ บรรพบุรุษของเคทยังเป็นญาติห่างๆ ชั้นที่ 14 ของเจ้าชายวิลเลียม ว่าที่พระสวามีด้วย
ความ สัมพันธ์ของเคท มิดเดิลตัน และเจ้าชายวิลเลียมเริ่มต้นเมื่อปี 2001 และนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการจับมองเป็นอย่างมากในฐานะคนรักของเจ้า ชาย และนอกจากเรื่องความสัมพันธ์แล้ว
ทุกย่างก้าวของเธอก็เป็นที่จับตาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการไปร่วมงาน
พระราชพิธีสำคัญๆ ของราชวงศ์ สไตล์การแต่งตัว รวมไปถึงทุกคน
ในครอบครัวเธอก็ถูกบรรดาปาปารัซซี่ติดตามเช่นเดียวกัน
แต่ ก่อนที่ตำนานรัก 7 ปีของคู่รักราชวงศ์จะได้พบกับความสุข ทั้งคู่ก็เคยผ่านอุปสรรคนานับประการ รวมถึงการเลิกรากันไปแล้วครั้งหนึ่งในปี 2007 ซึ่งทั้งคู่ให้เหตุผลเรื่องเวลาที่ไม่ตรงกัน อายุที่ยังน้อยทั้งคู่ รวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ยังจูนกันไม่ติด แต่เพียงไม่กี่เดือนหลังจากนั้นทั้งคู่กับกลับมาคบหากันอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้เธอจะพิสูจน์ให้ทุกๆ คนเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วเธอจริงจังกับการคบหาเจ้าชาย ด้วยการฝึกมารยาทและการเข้าสังคมในแบบราชวงศ์เพื่อเป้าหมายและหน้าที่สำคัญ ในอนาคต
ไม่ว่าประวัติของเธอจะมีความเป็นมาอย่างไร ตอนนี้เธอก็ครองหัวใจเจ้าชายวิลเลียมไปแล้วเต็มๆ
และเธอผู้นี้แหละที่กำลังจะขึ้นเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์คนใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นตำแหน่งที่มาพร้อมกับ
การปรับตัวขนานใหญ่ และภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง และที่แน่นอนไปว่านั้นคือการนำเธอไปเปรียบเทียบกับเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของเจ้าชายวิลเลียม ทั้งในแง่การของปฏิบัติหน้าที่ ความสง่างาม รวมไปถึงการโดนล่าภาพถ่ายจากเหล่าปาปารัซซี่กระหายข่าวทั้งหลายที่จะทำลาย ความเป็นส่วนตัว
ในแบบที่เธอชอบไปหมด
ว่าที่เจ้าหญิง รวมไปถึงว่าที่พระราชินีแห่งอังกฤษในอนาคตด้วย
ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2554 นี้จะมีพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมและเคท
มิดเดิลตัน ซึ่งจัดขึ้นในโบสถ์
เวสต์ มินสเตอร์ แอบบีย์ ที่เดียวกับที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส และเจ้าหญิงไดอานา ทรงเข้าพิธี และพิธีอภิเษกสมรสนี้จะเป็นงานมงคลครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปีของราชวงศ์อังกฤษเลยทีเดียว และถึงจะรู้ข่าวคราวของว่าที่เจ้าหญิงแห่งเวลส์มามากแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่ทราบประวัติของเธอว่ามีความเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเธอกันให้มากขึ้นค่ะ
Kate and her parents
เคท มิดเดิลตัน หรือ แคทเธอรีน เอลิซาเบธ มิดเดิลตัน (Catherine Elizabeth Middleton) เกิดวันที่ 9 มกราคม 1982 ที่เมืองเรดดิ้ง เบิร์กไชร์ ประเทศอังกฤษ เป็นบุตรสาวคนโตของนายไมเคิล ฟรานซิส มิดเดิลตัน และนางแคโรล เอลิซาเบธ
มิดเดิลตัน เคทมีพี่น้องอีกสองคนคือ ฟิลลิปปา หรือ ปิปปา ชาล็อต และ เจมส์ วิลเลียม
James Willaiam Middleton
(Photo from http://telegraph.co.uk)
บิดา และมารดาของเคทเคยทำงานกับสายการบิน โดยเฉพาะบิดาที่ทำงานกับสายการบิน British Airway ทำให้ต้องเดินทางบ่อย ซึ่งในช่วงปี 1984 ครอบครัวของเธอต้องย้ายไปอยู่ที่ประเทศจอร์แดนเพราะบิดาของเธอจะต้องไปประจำ การอยู่ที่นั่น และในปี 1986 ก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ประเทศอังกฤษเป็นการถาวร
ครอบครัวมิดเดิลตันไม่ได้ร่ำรวยมาแต่แรก แต่ด้วยความมุมานะของบิดาและมารดาของเธอในการบุกเบิกธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ จัดงานปาร์ตี้ส่งทางไปรษณีย์ที่มีชื่อว่า Party Pieces ซึ่งจากธุรกิจนี้เองที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับตระกูลมิดเดิลตัน และทำให้กลายเป็นมหาเศรษฐีอย่างเช่นทุกวันนี้
เคทจบการศึกษาจาก วิทยาลัยมาร์ลโบโรจห์ (Marlborough College) และเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยที่เซนต์ แอนดรูวส์ ประเทศสก็อตแลนด์ (University of St. Andrews)
ในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ ซึ่งที่นี่เองที่ทำให้เธอได้พบกับเจ้าชายวิลเลียมเป็นครั้งแรก
และสานสัมพันธ์มาจนมาถึงปัจจุบัน
ตั้งแต่เคทคบหากับเจ้าชายวิลเลียมมานั้นมีหลายคนและหลายสื่อออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสมคู่ควร
รวมไปถึงการตั้งข้อกล่าวหาว่าเคทสมัครเข้าเรียนต่อที่เซนต์ แอนดรูวส์เพื่อต้องการจะจับเจ้าชาย
จนมีการสืบสาวต้นตระกูล
มิดเดิลตันว่าแท้จริงแล้วมีความเป็นมาอย่างไร
การสืบประวัติต้นตระกูลของเธอได้รับการตรวจสอบและเขียนตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือชื่อ “บรรพบุรุษของแคทเธอรีน
มิด เดิลตัน” (The Ancestry of Catherine Middleton) ซึ่งสืบสาวไปจนถึงขนาดที่ว่าจริงๆ ต้นตระกูลของเธอมีทั้งที่เป็นพ่อค้า คนขายเนื้อ คนงานในเหมืองถ่านหิน แต่ที่ทำให้ประหลาดใจที่สุดๆ เห็นจะเป็นข้อมูลที่ว่า แท้จริงแล้วเธอเป็นญาติห่างๆ ชั้นที่ 8 ของจอร์จ วอชิงตัน อดีตประธานาธิบดีผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกา ทั้งยังเป็นญาติห่างๆ ของฟรานซิส สก็อตต์ คีย์ ผู้แต่งเพลงชาติสหรัฐฯ (The Star Spangled Banner) รวมถึงพลเอกจอร์จ แพทตัน ผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้ บรรพบุรุษของเคทยังเป็นญาติห่างๆ ชั้นที่ 14 ของเจ้าชายวิลเลียม ว่าที่พระสวามีด้วย
ความ สัมพันธ์ของเคท มิดเดิลตัน และเจ้าชายวิลเลียมเริ่มต้นเมื่อปี 2001 และนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการจับมองเป็นอย่างมากในฐานะคนรักของเจ้า ชาย และนอกจากเรื่องความสัมพันธ์แล้ว
ทุกย่างก้าวของเธอก็เป็นที่จับตาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการไปร่วมงาน
พระราชพิธีสำคัญๆ ของราชวงศ์ สไตล์การแต่งตัว รวมไปถึงทุกคน
ในครอบครัวเธอก็ถูกบรรดาปาปารัซซี่ติดตามเช่นเดียวกัน
แต่ ก่อนที่ตำนานรัก 7 ปีของคู่รักราชวงศ์จะได้พบกับความสุข ทั้งคู่ก็เคยผ่านอุปสรรคนานับประการ รวมถึงการเลิกรากันไปแล้วครั้งหนึ่งในปี 2007 ซึ่งทั้งคู่ให้เหตุผลเรื่องเวลาที่ไม่ตรงกัน อายุที่ยังน้อยทั้งคู่ รวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ยังจูนกันไม่ติด แต่เพียงไม่กี่เดือนหลังจากนั้นทั้งคู่กับกลับมาคบหากันอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้เธอจะพิสูจน์ให้ทุกๆ คนเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วเธอจริงจังกับการคบหาเจ้าชาย ด้วยการฝึกมารยาทและการเข้าสังคมในแบบราชวงศ์เพื่อเป้าหมายและหน้าที่สำคัญ ในอนาคต
ไม่ว่าประวัติของเธอจะมีความเป็นมาอย่างไร ตอนนี้เธอก็ครองหัวใจเจ้าชายวิลเลียมไปแล้วเต็มๆ
และเธอผู้นี้แหละที่กำลังจะขึ้นเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์คนใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นตำแหน่งที่มาพร้อมกับ
การปรับตัวขนานใหญ่ และภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง และที่แน่นอนไปว่านั้นคือการนำเธอไปเปรียบเทียบกับเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของเจ้าชายวิลเลียม ทั้งในแง่การของปฏิบัติหน้าที่ ความสง่างาม รวมไปถึงการโดนล่าภาพถ่ายจากเหล่าปาปารัซซี่กระหายข่าวทั้งหลายที่จะทำลาย ความเป็นส่วนตัว
ในแบบที่เธอชอบไปหมด
Photo from http://www.lugaluda.com
แล้วก็เกิดความสงสัยว่า หน้าตาของธุรกิจที่ชื่อ Party Pieces นี่มันเป็นอย่างไร ก็คนมัน...รู้น้อยนี่
(ไม่อยากใช้คำว่า โง่) ก็ search หา พบ
การกำเนิดของธุรกิจ Party Pieces เป็นบทสัมภาษณ์ของคุณแม่ของ Kate อ่านเองแล้วกัน
Website ของ Party Pieces เป็นแบบข้างล่างนี้ค่ะ
ดูภาพประทับใจจากงานเสกสมรสเมื่อวานนี้
ตราประจำตัว Kate 's coat of arms
Herald painter Robert Parsons sketches the coat of arms
for Kate Middleton at the College of Arms in London.Photograph: Suzanne Plunkett/PA
ชุดเจ้าสาว มี 2 ชุด ออกแบบโดย Sarah Burton แห่ง Alexander McQueen
ชุดแรกในงานพิธี
Photo from http://www.dailycelebrityreport.com
ชุดที่ 2 ในงานเลี้ยงฉลองสมรส
Photo from http://www.dailycelebrityreport.com
Sarah Burton: Kate Middleton's wedding dress designer
Photo from http://www.nydailynews.com
อ้างอิง http://www.thaicalory.com
http://www.partypieces.co.uk
http://www.dailycelebrityreport.com
http://www.nydailynews.com
http://celebnew.info
http://www.lugaluda.com
http://cestjoile.blogspot.com/
http://www.telegraph.co.uk
http://www.dailycelebrityreport.com
http://www.nydailynews.com
http://celebnew.info
http://www.lugaluda.com
http://cestjoile.blogspot.com/
http://www.telegraph.co.uk
28 เม.ย. 2554
โฆษณาทางทีวี...ที่เราหยุดดู
เวลาที่เราอยู่หน้า TV พอโฆษณามา เรามักจะรีบกดรีโมทหนีไปช่องอื่นทันที ใช่ไหม?
แต่ถ้ามีโฆษณาตัวใหม่ออกมา เราก็มักจะหยุุดดู สักเสี้ยว...วินาที ถ้าไม่ถูกใจ...ก็ชิ่งไปดูช่องอื่น และในทางกลับกัน โดดเด่นสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น ภาพ เสียง
หรือแม้แต่เพลงประกอบ ก็ดูจนจบและอาจจะรอดูอีกรอบ หรือหลายรอบก็ได้ และก็มีโฆษณาหลายตัวที่เราชอบนะ แต่ในที่นี้ขอเป็นโฆษณาของ Nescafe
1. ชุดแรกนี้ ไม่เคยเห็น แต่เพลงเพราะดี วิดิโอก็สื่อความหมายได้ดี เพลง ชื่อ Open Up ลองฟังดู
ทีนี้ลองมาดู เนื้อเพลงเต็มๆ (ไม่มีใน youtube) Nescafe Open Up by Laurie Anderson
จาก http://www.justsomelyrics.com
จาก http://www.justsomelyrics.com
You can be rich with no money to spend,
you can do everything when you understand,
you can be mother when you are a man,
open up - you know that you can.
Open your eyes, open your mind, open your thoughts - Don’t stay behind!
(Open up, open up, open up, open up)
Nescafé
(Open up, open up, open up, open up)
The key is inside you to open your mind,
you know what is helping (outhere???) - your heart can’t be blind,
open your eyes and open your mind,
open your thoughts - Don’t stay behind!
Open your eyes, open your mind, open your thoughts - Don’t stay behind!
(Open up, open up, open up, open up)
Nescafé
(Open up, open up)
You race all the boarders and start in your head,
open your mind to thoughts out and say, (????)
open your eyes and open your mind,
open your thoughts and don’t stay behind.
Open your eyes, open your mind, open your thoughts - Don’t stay behind!
(Open up, open up, open up, open up)
Nescafé
(Open up, open up, open up, open up
Open up, open up,
Open up, open up)
Nescafé
(Open up, open up,
open up, open up,
open up, open up,
open up, open up,
open up, open up)
Nescafé
2.โฆษณา Nescafe Protect Proslim
ดูแล้วเพลินตาดี ไม่ทราบว่าเป็นโฆษณา หรือ ผู้หญิงในโฆษณา ดูเองก็แล้วกัน
3.โฆษณา Nescafe กระป๋องบนยอดดอยน่ะ
4.Nescafe Red Cup
คงจะพอแล้วนะ
เพลงเก่าๆ กับเรื่องราว
ทุกยุคทุกสมัย มักจะบอกต่อๆกันมาว่า การร้องเพลง หรือฟังเพลงที่ชอบ จะทำให้ลดความเครียดได้ ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่านะ แต่หลายคนก็ชอบฟังเพลง ร้องเพลง
วันนี้ เรามาร้องเพลงเก่าๆ ย้อนยุคกันกันก่อน ร้องโดยวงThe Carpenters ใน MV นี้ได้เห็นหน้าตาของ วงThe Carpenters ตัวจริง ที่สามารถร้องเพลงจนดังไปทั่วโลกได้ เพลงนี้คือ Please Mr Postman เรื่องของเพลงนี้ก็มีอยู่ว่า หญิงสาวผู้หนึ่งอยู่ไกลจากแฟนหนุ่ม การจะรู้ข่าวคราวกัน (ในสมัยก่อน) ก็คือเขียนจดหมายถึงกัน สาวเจ้าก็รอ...จดหมายจากแฟนหนุ่มวันแล้ววันเล่า คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือ the postman เพราะสาวเจ้าเฝ้าคอยรอ..รอ ถามหาจดหมายจาก the postman ทุกครั้งที่ไปส่งจดหมาย (ให้คนอื่น) ลองฟังเพลงนี้ดู ขอให้สนุกกับการฟังและร้องเพลงเก่า(เก่ามาก)นะคะ
เดี๋ยว...หลายคน อาจจะคิดว่า อะไรนะให้ฟังอย่างเดียว เพลงตั้งแต่สมัยคุณตา..คุณยาย โน่น ใครจะไปร้องได้ เนื้อเพลงก็ไม่มีให้ ไม่เป็นไรค่ะ ......รู้สึกว่ามีคน(ใครก็ไม่รู้...จำไม่ได้) บอกว่า ถ้าจะให้น่าสนใจ ต้องได้(เรียน)แบบไม่รู้เรื่องก่อน แล้วคนเรียนจะเกิดอาการขัดใจ แล้วก็อยากรู้ว่า อะไร ทำไม ที่ไหน อย่างไร ...ทำนองนี้ แต่เราใจดีนะ(พยายามบอกตัวเอง) ........จัดให้ค่ะ ร้องตามได้เลยนะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม วงThe Carpenters เป็นวงดนตรีอเมริกัน Duo พี่ชายน้องสาวคือ Richard Carpenter and Karen Carpenter (อ่านเพิ่มมเติม) ในช่วงหลัง Karen Carpenter มีปัญหาเกี่ยวกับ อะนอเร็กเซีย เนริฟโวซ่า (Anorexia nervosa) ซึ่งส่งผลให้ Karen Carpenter เสียชิวิต เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 ด้วยอาการหัวใจวายอันเนื่องมาจากการที่ร่างกายและหัวใจของเธอต้องทำงานหนัก จากอาการ อะนอเร็กเซีย เนริฟโวซ่า (Anorexia nervosa)
สำหรับ Anorexia nervosa เป็น เป็นความผิดปกติเกี่ยวการรับประทานอาหารทำให้มีการอดอาหารเอง หรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้เป็นปกติเป็นเวลานานทำให้น้ำหนักลด เนื่องกลัวว่าน้ำหนักขึ้นจะทำให้รูปร่างเสียไป (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Anorexia nervosa) และดูวิดิโอ ข้างล่างนี้นะคะ
ส่วนใหญ่ความผิดปกตินี้มักจะเกิดในหมู่ วัยรุ่น ดารา หรือนางแบบ อย่างเช่น Isabelle Caro นักแสดงและนางแบบสาวชาวฝรั่งเศส ต้องประสบกับภาวะ Anorexia nervosa มาตลอดและเสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 28 ปี เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2010
ภาพนี้เป็น billboard ที่ถ่ายโดย Oliviero Toscani ช่างภาพชาวอิตาเลี่ยน ในปี 2007 ซึ่งขณะนั้น Isabelle Caro หนักเพียง 27 กิโลกรัม หรือประมาณ 59 ปอนด์ เพื่อรณรงค์ "No Anorexia"
และขอจบด้วยวิดิโอเพลง Please Mr Postman ซึ่งร้องโดย Karen Carpenter ซึ่งเห็นชัดเจนว่า เธอกำลังตกอยู่ใน Anorexia nervosa ที่ค่อนข้างร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม สาววัยรุ่น และสาวไม่รุ่นทั้งหลายก็ระมัดระวังตัว ในเรื่องการควบคุมน้ำหนักด้วยนะคะ
วันนี้ เรามาร้องเพลงเก่าๆ ย้อนยุคกันกันก่อน ร้องโดยวงThe Carpenters ใน MV นี้ได้เห็นหน้าตาของ วงThe Carpenters ตัวจริง ที่สามารถร้องเพลงจนดังไปทั่วโลกได้ เพลงนี้คือ Please Mr Postman เรื่องของเพลงนี้ก็มีอยู่ว่า หญิงสาวผู้หนึ่งอยู่ไกลจากแฟนหนุ่ม การจะรู้ข่าวคราวกัน (ในสมัยก่อน) ก็คือเขียนจดหมายถึงกัน สาวเจ้าก็รอ...จดหมายจากแฟนหนุ่มวันแล้ววันเล่า คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือ the postman เพราะสาวเจ้าเฝ้าคอยรอ..รอ ถามหาจดหมายจาก the postman ทุกครั้งที่ไปส่งจดหมาย (ให้คนอื่น) ลองฟังเพลงนี้ดู ขอให้สนุกกับการฟังและร้องเพลงเก่า(เก่ามาก)นะคะ
เดี๋ยว...หลายคน อาจจะคิดว่า อะไรนะให้ฟังอย่างเดียว เพลงตั้งแต่สมัยคุณตา..คุณยาย โน่น ใครจะไปร้องได้ เนื้อเพลงก็ไม่มีให้ ไม่เป็นไรค่ะ ......รู้สึกว่ามีคน(ใครก็ไม่รู้...จำไม่ได้) บอกว่า ถ้าจะให้น่าสนใจ ต้องได้(เรียน)แบบไม่รู้เรื่องก่อน แล้วคนเรียนจะเกิดอาการขัดใจ แล้วก็อยากรู้ว่า อะไร ทำไม ที่ไหน อย่างไร ...ทำนองนี้ แต่เราใจดีนะ(พยายามบอกตัวเอง) ........จัดให้ค่ะ ร้องตามได้เลยนะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม วงThe Carpenters เป็นวงดนตรีอเมริกัน Duo พี่ชายน้องสาวคือ Richard Carpenter and Karen Carpenter (อ่านเพิ่มมเติม) ในช่วงหลัง Karen Carpenter มีปัญหาเกี่ยวกับ อะนอเร็กเซีย เนริฟโวซ่า (Anorexia nervosa) ซึ่งส่งผลให้ Karen Carpenter เสียชิวิต เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 ด้วยอาการหัวใจวายอันเนื่องมาจากการที่ร่างกายและหัวใจของเธอต้องทำงานหนัก จากอาการ อะนอเร็กเซีย เนริฟโวซ่า (Anorexia nervosa)
สำหรับ Anorexia nervosa เป็น เป็นความผิดปกติเกี่ยวการรับประทานอาหารทำให้มีการอดอาหารเอง หรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้เป็นปกติเป็นเวลานานทำให้น้ำหนักลด เนื่องกลัวว่าน้ำหนักขึ้นจะทำให้รูปร่างเสียไป (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Anorexia nervosa) และดูวิดิโอ ข้างล่างนี้นะคะ
ส่วนใหญ่ความผิดปกตินี้มักจะเกิดในหมู่ วัยรุ่น ดารา หรือนางแบบ อย่างเช่น Isabelle Caro นักแสดงและนางแบบสาวชาวฝรั่งเศส ต้องประสบกับภาวะ Anorexia nervosa มาตลอดและเสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 28 ปี เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2010
ภาพนี้เป็น billboard ที่ถ่ายโดย Oliviero Toscani ช่างภาพชาวอิตาเลี่ยน ในปี 2007 ซึ่งขณะนั้น Isabelle Caro หนักเพียง 27 กิโลกรัม หรือประมาณ 59 ปอนด์ เพื่อรณรงค์ "No Anorexia"
และขอจบด้วยวิดิโอเพลง Please Mr Postman ซึ่งร้องโดย Karen Carpenter ซึ่งเห็นชัดเจนว่า เธอกำลังตกอยู่ใน Anorexia nervosa ที่ค่อนข้างร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม สาววัยรุ่น และสาวไม่รุ่นทั้งหลายก็ระมัดระวังตัว ในเรื่องการควบคุมน้ำหนักด้วยนะคะ
ล้มเหลว ท้อแท้ แล้วไง
อ่านพบในเว็บ dekCMU แล้วชอบมากเลย คนเรามีทั้งสุขและทุกข์ บางคนขอให้ชีวิตมีแต่สุขอย่างเดียว พอได้รับความทุกข์แล้วทนไม่ไหว ยอมแพ้.....ตั้งแต่ก่อนขึ้นเวทีชก ....คนแบบนี้น่าสงสารนะ อย่ายอมแพ้ สู้..สู้ นะ ดูตัวอย่างจากข้างล่างนี้นะ ล้วนแต่คนมีชื่อเสียงก้องโลก อาทิเช่น
1.
ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ ตอนอายุ 4 ขวบ
ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
ชายคน นั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะ แห่งซูริค
ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า "สมองช้า
ไม่ชอบสังคมและ ล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัวเองตลอดเวลา"
ชายคนนั้น...ชื่อ "อัลเบิร์ต ไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู
2.
ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์
ชายคนนั้น... ลองสมัครใหม่ดูอีกที
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายาม เป็นครั้งที่สาม
ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้ เป็นทหารสมใจ
ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ สองได้สำเร็จ
ชายคนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์"
ผู้พิชิตแปซิ ฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง
3.
ชายกลุ่มหนึ่งเป็นนักดนตรี
ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผุ้บริหารคน หนึ่งจากบริษัทเดคคาเรคคอร์ต้ง
ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ ว่า
"เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา
และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลัง จะหมดสมัยแล้ว"
ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า "เดอะ บีเทิลส์" สี่เต่าทองแห่ง ตำนาน
4.
ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียน มัธยม
ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน
ชายคนนั้น...ชื่อ "ไม เคิล จอร์แดน"
หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก
5.
ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
ชายคนนั้น...สูญเสียความสามารถ ในการฟังลงเรื่อยๆ
ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี
ชายคน นั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ชายคน นั้น...ชื่อ "ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน" นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโล
6.
ชายคนหนึ่งสอบตกประถม 6
ชายคนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมา ตลอด
ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป็นผู้สูงอายุ แล้ว
ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี
ชายคน นั้น...ชื่อ "วินสตัน เชอร์ชิล" อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ
7.
ชายคนหนึ่งเรียนปริญญาตรี
ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษา ระดับกลางเท่านั้น
ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนใน วิชาเคมี
ชายคนนั้น...ชื่อ "หลุยส์ ปาสเตอร์"
7.
เชื่อว่าทุกคนเคยแพ้
เชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว
แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ ล้มเหลว
คนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหาก
ข้อมูลจาก http://www.dekmor.cmu.ac.th/article_h.php?page=71&type=AT
1.
ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ ตอนอายุ 4 ขวบ
ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
ชายคน นั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะ แห่งซูริค
ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า "สมองช้า
ไม่ชอบสังคมและ ล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัวเองตลอดเวลา"
ชายคนนั้น...ชื่อ "อัลเบิร์ต ไอสไตน์" บิดาแห่งปรมาณู
2.
ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์
ชายคนนั้น... ลองสมัครใหม่ดูอีกที
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
ชายคนนั้น...พยายาม เป็นครั้งที่สาม
ชายคนนั้น...ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียน
ชายคนนั้น...ได้ เป็นทหารสมใจ
ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ สองได้สำเร็จ
ชายคนนั้น...ชื่อ "นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์"
ผู้พิชิตแปซิ ฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง
3.
ชายกลุ่มหนึ่งเป็นนักดนตรี
ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผุ้บริหารคน หนึ่งจากบริษัทเดคคาเรคคอร์ต้ง
ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ ว่า
"เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา
และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลัง จะหมดสมัยแล้ว"
ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า "เดอะ บีเทิลส์" สี่เต่าทองแห่ง ตำนาน
4.
ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียน มัธยม
ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน
ชายคนนั้น...ชื่อ "ไม เคิล จอร์แดน"
หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก
5.
ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
ชายคนนั้น...สูญเสียความสามารถ ในการฟังลงเรื่อยๆ
ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี
ชายคน นั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ชายคน นั้น...ชื่อ "ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน" นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโล
6.
ชายคนหนึ่งสอบตกประถม 6
ชายคนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมา ตลอด
ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งใหญ่ๆเมื่อเขากลายเป็นผู้สูงอายุ แล้ว
ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี
ชายคน นั้น...ชื่อ "วินสตัน เชอร์ชิล" อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ
7.
ชายคนหนึ่งเรียนปริญญาตรี
ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษา ระดับกลางเท่านั้น
ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนใน วิชาเคมี
ชายคนนั้น...ชื่อ "หลุยส์ ปาสเตอร์"
7.
ชายคนหนึ่งเป็นนักร้อง
ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แกรนด์โอเลโอ เพรย์ไล่ออก
ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า "แกมันไปไม่ถึงไหนเลย
แกควร กลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า"
ชายคนนั้น...ชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์"
ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แกรนด์โอเลโอ เพรย์ไล่ออก
ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า "แกมันไปไม่ถึงไหนเลย
แกควร กลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า"
ชายคนนั้น...ชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์"
8.
หญิงคนหนึ่งเป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
หญิงคนนั้น...ทำงานให้ กับบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่
หญิงคนนั้น...เคยโดนผู้อำนวยการบริ ษัท
บลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า
"เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯหรือไม่ ก็แต่งงานเสียดีกว่า"
หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จัก กันในนาม "มาริลีนมอนโร" นั่นเอง
หญิงคนนั้น...ทำงานให้ กับบริษัทบลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่
หญิงคนนั้น...เคยโดนผู้อำนวยการบริ ษัท
บลูบุ๊คโมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า
"เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯหรือไม่ ก็แต่งงานเสียดีกว่า"
หญิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จัก กันในนาม "มาริลีนมอนโร" นั่นเอง
9.
ชายคนหนึ่ง หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก
ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับ มหาวิทยาลัยธุรกิจฮาวาร์ดอันเลื่องชื่อ
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อ มา
ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจ โคลัมเบีย
ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษา
ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์ รวมกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐจากเงินลงทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ
ชายคน นั้น...ชื่อ "วอเรน บัฟเฟตต์" นักลงทุนอัจฉริยะอภิมหาเศรษฐีอันดับสองของ โลก
ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับ มหาวิทยาลัยธุรกิจฮาวาร์ดอันเลื่องชื่อ
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อ มา
ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจ โคลัมเบีย
ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษา
ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์ รวมกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐจากเงินลงทุนเพียง 100 เหรียญสหรัฐ
ชายคน นั้น...ชื่อ "วอเรน บัฟเฟตต์" นักลงทุนอัจฉริยะอภิมหาเศรษฐีอันดับสองของ โลก
10.
ชายคนหนึ่ง หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก
ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับ คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า "สกปรก - บ้า คอมพิวเตอร์"
ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี
ชายคนนั้น...ปัจจุบัน คือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนกับ แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...เคย ถูก ไอบีเอ็ม มองว่า "แค่เด็ก"
ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก
ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่ สาม หรือที่รู้จักกันในนาม
"บิลล์ เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐี อันดับหนึ่งของโลก
ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ
ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับ คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า "สกปรก - บ้า คอมพิวเตอร์"
ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี
ชายคนนั้น...ปัจจุบัน คือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนกับ แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์
ชายคนนั้น...เคย ถูก ไอบีเอ็ม มองว่า "แค่เด็ก"
ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก
ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่ สาม หรือที่รู้จักกันในนาม
"บิลล์ เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐี อันดับหนึ่งของโลก
ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรียญ
เชื่อว่าทุกคนเคยแพ้
เชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว
แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ ล้มเหลว
คนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหาก
ข้อมูลจาก http://www.dekmor.cmu.ac.th/article_h.php?page=71&type=AT
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)